วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์
วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์

หมายเลขหัวข้อ 33.3 พฤติกรรม

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข

เผยแพร่แล้ว 26/01/2024

เขียนโดย Beverley M. Wilson และ Daniel S. Mills

สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Español , English และ Українська

“โรคสมองเสื่อม” ในสุนัข (canine dementia) กำลังกลายเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้เมื่อประชากรสัตว์เลี้ยงของเรามีอายุมากขึ้น บทความนี้จะช่วยทบทวนอาการแสดง การวินิจฉัยแยกโรค (differential diagnoses) และการรักษาในกรณีดังกล่าว (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)

check if a dog that has possible signs of CCD

ประเด็นสำคัญ

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในสุนัขสูงอายุ แต่ก็สามารถจัดการเพื่อปรับปรุงสวัสดิภาพของทั้งสัตว์ป่วยและเจ้าของได้


การตรวจพบและรักษาภาวะนี้ตั้งแต่แรกเริ่มถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การพยากรณ์โรคของภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขนั้นดีขึ้น 


มีภาวะความผิดปกติหลายอย่างที่สามารถเลียนแบบอาการของภาวะ CCD ได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาความแตกต่างทางการแพทย์และโรคที่เกิดขึ้นร่วมกันเมื่อจัดการกับกรณีที่เป็นไปได้ 


การผสมผสานทางเลือกในการจัดการหลายๆอย่าง เช่นการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมหรืออาหารและโภชนเภสัชนั้นพบว่าเป็นการรักษาภาวะ CCD ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด 


บทนำเกี่ยวกับภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข (Introduction to CCD)

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข (CCD) เป็นรูปแบบหนึ่งของโรคสมองเสื่อม (dementia) ที่ส่งผลต่อสุนัขสูงอายุ (geriatric dogs) 1 และถึงแม้ว่าจะเป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่อาการแสดงทางคลินิกนั้นสามารถจัดการได้ รวมถึงการพยากรณ์โรค (prognosis) จะดีขึ้นหากมีการตรวจพบและรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม 2,3 ภาวะนี้อาจพบได้บ่อยกว่าที่รับรู้กันโดยทั่วไป 4 เนื่องจากเจ้าของสุนัขมักคิดว่าสัญญาณต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชรา (aging process) ตามปกติและ/หรือเจ้าของสุนัขมีความเชื่อว่าเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาได้ 5 ทำให้เจ้าของสัตว์ไม่นำข้อกังวลไปปรึกษาหารือกับสัตวแพทย์  1 โดยข้อเท็จจริงแล้วนั้นมีการประเมินไว้ว่าสุนัขสูงอายุประมาณร้อยละ 22.5-68 จะมีการแสดงสัญญาณของความผิดปกติของการรับรู้และความคิด (cognitive dysfunction) อย่างน้อย 1 สัญญาณ 1,3,6 แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสุนัขเหล่านั้นจะมีภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข (CCD) เพราะสัญญาณที่แสดงออกมาอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ เช่น อาการปวดเรื้อรัง (chronic pain) ดังนั้นภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขจึงถือเป็นโรคสำคัญที่สัตวแพทย์ควรตระหนักและควรปรึกษาหารือกับเจ้าของสุนัขอย่างจริงจังเพื่อปรับปรุงสุขภาพและสวัสดิภาพ (welfare) ของสุนัขสูงวัย (รูปภาพที่ 1) บทความนี้จะพิจารณาสัญญาณสำคัญ การวินิจฉัย และการวินิจฉัยแยกโรค (differentials) ของ CCD รวมถึงอภิปรายเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาและแนวโน้มของภาวะดังกล่าว

Owners may think that their dog is simply showing a normal aging process

รูปภาพที่ 1 เจ้าของสัตว์อาจคิดว่าสุนัขของตนกำลังแสดงสัญญาณของกระบวนการชราตามปกติ ดังนั้นสัตวแพทย์ควรดำเนินการเชิงรุกเพื่อหารือเกี่ยวกับอาการแสดงทางคลินิกของ CCD ที่เป็นไปได้ในระหว่างทำการตรวจรักษาทุกครั้ง © Shutterstock

อาการแสดงและสาเหตุ

CXD เป็นภาวะที่เกิดเมื่อมีอายุมากขึ้นเพราะฉะนั้นจึงพบได้ในสัตว์ป่วยสูงอายุ โดยมีรายงานว่าสามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 11 ปีขึ้นไปถึงแม้ว่าอาจจะแตกต่างกันไปตามขนาดของสุนัขและอายุขัยโดยทั่วไปของสายพันธุ์ ในบางการศึกษาพบว่าเพศเมียมีแนวโน้มที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น CCD มากกว่า 1 อย่างไรก็ตามมีความเชื่อกันว่าสุนัขเพศผู้ที่ทำหมันแล้วและสุนัขพันธุ์เล็กมีแนวโน้มที่จะแสดงสัญญาณของ CCD มากกว่า รวมถึงสุนัขเพศผู้ที่ทำหมันแล้วอาจจะแสดงความเสื่อมได้เร็วกว่า 6

สัญญาณทางพฤติกรรม (behavioral signs) ของ CCD นั้นมักถูกอธิบายโดยใช้ตัวย่อ DISHA 7 แต่ก็อาจใช้ตัวย่อ DISHAA และ DISHAAL ก็ได้ โดย A ที่เพิ่มมานั้นมาจากคำว่าความวิตกกังวล (anxiety) หรือภาวะไร้อารมณ์ (apathy) และ L ที่มาจากคำว่าการเรียนรู้ (learning) 7,8 สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องตัวย่อก็คือความเข้าใจว่าสัตว์อาจมีปัญหาทางอารมณ์ในวงกว้าง (wider emotional issues) ที่เกี่ยวข้องกับพื้นอารมณ์ (temperament) อารมณ์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (mood) และการตอบสนองทางอารมณ์ทันที (immediate emotional responses) เช่น ภาวะซึมเศร้า (depressive states) ความสามารถที่จะอดทนกับความคับข้องใจต่ำ (poor frustration tolerance) หรือการเรียกร้องความสนใจเพิ่มมากขึ้น (increased attention seeking) นอกเหนือจากการตอบสนองการหลีกเลี่ยง (avoidance responses) ที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลแบบเดิม ตารางที่ 1 ได้อธิบายถึงสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับ DISHA แบบดั้งเดิม (classic signs) และการวินิจฉัยแยกโรคสำคัญต่างๆที่ต้องพิจารณา ในระยะแรกเริ่มพบว่ามีรายงานระบุว่าสุนัขจะมีสัญญาณที่มีความแตกต่างกันอย่างมากและไม่มีรูปแบบที่สม่ำเสมอ 9 เพราะฉะนั้นการตรวจพบภาวะนี้ตั้งแต่เนิ่นๆจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม CCD นั้นเป็นโรคที่มีความเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ (progressive disease) ดังนั้นจึงมีรายงานอาการแสดงทางคลินิกอื่นๆเพิ่มเติมเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งนั่นหมายความว่าสัตวแพทย์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามกรณีเหล่านี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สังเกตเห็นอาการแม้ว่าจะไม่ได้มีการวินิจฉัย ณ เวลานั้นก็ตาม ในความเป็นจริงเจ้าของสัตว์อาจขอความช่วยเหลือจากสัตวแพทย์เฉพาะในกรณีที่สัญญาณหรืออาการแสดงทางคลินิกบางอย่างก่อให้เกิดปัญหากับสุนัขหรือตัวเจ้าของเองเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การสูญเสียพฤติกรรมที่เคยทำได้มาก่อนอย่างกะทันหัน (เช่น การเรียกแล้วหันเวลาวิ่งเล่นอิสระ (recall when off lead)) ขับถ่ายไม่เป็นที่ (house soiling) (รูปภาพที่ 2) มีการทำกิจกรรม/ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือตื่นในเวลากลางคืน (night-time waking) ในกรณีเหล่านี้เจ้าของจะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาพฤติกรรม แต่จำเป็นต้องตระหนักว่าปัญหาเหล่านี้อาจซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความเสื่อมของระบบประสาท (neurodegenerative changes) ที่เกี่ยวข้องกับ CCD ทั้งนี้ความสำคัญของการซักประวัติอย่างละเอียดในระหว่างการตรวจรักษานั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริง เนื่องจากเจ้าของสัตว์จำนวนมากอาจไม่ได้ตระหนักถึงสัญญาณสำคัญของภาวะดังกล่าวหรือเชื่อว่าอาการต่างๆที่เห็นเป็นเรื่องปกติที่พบได้โดยเจ้าของสัตว์มักคิดว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราที่ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากและการตรวจรักษาตามนัดหมายปกติ (เช่น การฉีดวัคซีน) จะช่วยเปิดโอกาสให้เจ้าของได้สอบถามเกี่ยวกับสัญญาณของ CCD กับสัตวแพทย์ได้ 

Table 1. Cardinal signs of CCD with examples and common differentials to consider.

อาการแสดงสำคัญ (DISHA)  ตัวอย่าง  การวินิจฉัยแยกโรคที่เป็นไปได้ 

Disorientation

ความงุนงงสับสน 

  • หลงทางในสถานที่คุ้นเคย 
  • สูญเสียการได้ยิน/การมองเห็น 
  • เผชิญความยากลำบากเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง เช่น เดินไปผิดด้านของประตูหรือไม่สามารถเดินไปรอบๆเฟอร์นิเจอร์ได้  
  • ปัญหาด้านการเคลื่อนที่ เช่น โรคข้อเสื่อม (osteoarthritis)
  • สูญเสียการมองเห็น 

Interactions altered in relation to social stimuli

ปฏิสัมพันธ์ต่อสิ่งเร้าทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป 

  • มีความใกล้ชิดกับเจ้าของสัตว์มากขึ้น 
  • รู้สึกไม่สบาย (discomfort) (เช่น โรคข้อเสื่อม (osteoarthritis) 
  • ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrinopathy) (เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (hypothyroidism)) 
  • โรคตับ 
  • ความผิดปกติของระบบประสาท (เช่น รอยโรคแบบกินที่ (space-occupying lesion) 
  • ภาวะความดันโลหิตสูง 
  • แยกตัวหรือเก็บตัวมากขึ้น 
  • มีความขัดแย้งหรือลดการมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ตัวอื่นภายในบ้าน 

Sleep/wake changes

การนอนหลับ/ตื่นนอนเปลี่ยนไป 

  • ตื่นตอนกลางคืน (Night-time waking)
  • รู้สึกไม่สบาย (Discomfort)
  • ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ  
  • โรคที่เป็นสาเหตุของภาวะกินน้ำเยอะปัสสาวะมาก   
  • โรคตับ 
  • ภาวะโลหิตจาง 
  • นอนตอนกลางวัน 

House soiling

ขับถ่ายไม่เป็นที่ 

  • ขับถ่ายตลอดทั้งคืน 
  • เปลี่ยนที่ขับถ่าย 
  • รู้สึกไม่สบาย (discomfort) (เช่น ไม่สามารถเข้าสถานที่เดิมที่เคยใช้ขับถ่ายได้)
  • โรคตับ
  • โรคไต   
  • ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ/หรือโรคอื่นๆที่เป็นสาเหตุของภาวะกินน้ำเยอะปัสสาวะมาก  

Activity levels alterations

ระดับการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไป 

  • เดินวน (pacing)
  • พฤติกรรมที่แสดงออกซ้ำๆ (Stereotypic behaviors)
  • มีกิจกรรมเพิ่มขึ้น/ลดลง 
  • ความผิดปกติของระบบประสาท (เช่น รอยโรคแบบกินที่ (space-occupying lesion) 
  • รู้สึกไม่สบาย (discomfort)
  • โรคตับ
  • ภาวะโลหิตจาง

ภาวะ CCD ถูกใช้เป็นแบบอย่างของโรคความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease) ในคน จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการศึกษาทางพยาธิวิทยา (pathology) อย่างกว้างขวาง 10 โดยการเปลี่ยนแปลงที่พบในสมองของสุนัขที่ได้รับผลกระทบจาก CCD ได้แก่ มวลสมอง (brain mass) ที่ลดลง ปริมาตรของกลีบสมองส่วนหน้า (frontal lobe volume) ลดลง เยื่อหุ้มสมองฝ่อ (cortical atrophy) ความหนาแน่นของเส้นประสาทลดลง (reduced neuronal density) ขนาดของโพรงสมองมากขึ้น (increased ventricular size) และมีการสะสมของโปรตีนเบต้าอะมัยลอยด์ (beta-amyloid plaques) มากขึ้น 7 มนุษย์ที่เป็นโรคความจำเสื่อมยังสามารถพบเส้นใยฝอยของเทาว์โปรตีน (tau protein fibrils) ได้ด้วยซึ่งพยาธิสภาพนี้มักพบในแมว (ซึ่งโดยบังเอิญแมวมักจะไม่พบการสะสมของโปรตีนอะมัยลอยด์แบบที่พบในมนุษย์และสุนัข)  เนื่องจากรอยโรคทั้งหมดที่กล่าวถึงเป็นรอยโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้และยังไม่พบสาเหตุของการเกิดอย่างมีนัยสำคัญเพราะฉะนั้นพยาธิวิทยาจะไม่ถูกกล่าวถึงเพิ่มเติมในบทความนี้

A sudden loss of a previously known behavior, such as house soiling, may potentially be a sign of the underlying neurodegenerative changes associated with CCD

รูปภาพที่ 2 การสูญเสียพฤติกรรมที่เคยทำได้มาก่อนอย่างกะทันหัน เช่น การขับถ่ายไม่เป็นที่ อาจเป็นสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของความเสื่อมของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับ CCD © Shutterstock

การวินิจฉัยภาวะ CCD 

CCD นั้นใช้วิธีการวินิจฉัยโดยคัดออก (diagnosis of exclusion) และยังไม่มีการทดสอบวินิจฉัยขั้นสุดท้ายก่อนเสียชีวิต (definitive antemortem diagnostic tests) ที่สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะ CCD ได้ การวินิจฉัยเบื้องต้น (presumptive diagnosis) นั้นทำได้ผ่านข้อมูลที่ทราบจากเจ้าของและจากการพิจารณาตัดภาวะอื่นๆที่อาจเป็นสาเหตุของอาการแสดงทางคลินิกออก 4 อาการแสดงทางคลินิกต่างๆที่ปรากฎนั้นทำให้สัตวแพทย์มีคำวินิจฉัยแยกโรคที่เป็นไปได้อยู่หลายอย่างที่จำเป็นต้องตัดออก (ตารางที่ 1) อีกทั้งข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าของก็ถือเป็นส่วนสำคัญของการวินิจฉัยเบื้องต้นทางคลินิกของภาวะ CCD ซึ่งช่วยให้กระบวนการวินิจฉัยนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องและครบถ้วน ดังนั้นจึงมีแบบสอบถามสำหรับการคัดกรองภาวะนี้ขึ้นมาหลายรูปแบบ 11 แบบสอบถามบางอย่างนั้นเจ้าของสัตว์สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง เช่น canine cognitive dysfunction rating scale (CCDR) 12, ซึ่งสามารถให้เจ้าของกรอกแบบสอบถามให้เสร็จสิ้นก่อนการนัดหมาย จากนั้นจึงค่อยเข้ามาปรึกษากับสัตวแพทย์ (ดูกล่องข้อความที่ 1) ส่วนแบบสอบถามบางอย่างนั้นอาจต้องกรอกในระหว่างที่เข้ารับการปรึกษากับสัตวแพทย์ เช่น age-related cognitive และ affective disorders score (ARCAD) 13

Box 1. Canine Cognitive Dysfunction Rating (CCDR) Scale (adapted from 12).

• อะไรคือภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข?

 

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข (Canine cognitive dysfunction (CCD)) หรือโรคสมองเสื่อมในสุนัขนั้นเป็นกลุ่มอาการของโรคตามอายุ (age-related syndrome) ที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม โดยมักจะส่งผลกระทบต่อสุนัขที่มีอายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป และจะพบบ่อยมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่ามากกว่าร้อยละ 30 ของสุนัขที่มีอายุมากกว่า 14 ปีจะมีภาวะนี้ ทั้งนี้พฤติกรรมที่อาจได้รับผลกระทบนั้นได้แก่:

  • รูปแบบการนอนและ/หรือกิจกรรม
  • การกินอาหารหรือดื่มน้ำ
  • ความสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อม (spatial awareness) และการปรับตัว (orientation)
  • การเรียนรู้และความจำ

•  สัตวแพทย์จะแจ้งเจ้าของว่าสุนัขของเขามีภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขได้อย่างไร

CCDR เป็นเครื่องมือประเมินที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุอาการทั้งหมดที่เป็นไปได้ของภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข การมีอาการแสดงทางคลินิกที่มีความรุนแรงระดับหนึ่งอย่างมากพออาจบ่งชี้ได้ว่าสุนัขของคุณกำลังมีภาวะ CCD อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าโรคทางระบบร่างกายอื่นๆนั้นก็อาจทำให้เกิดอาการแสดงทางคลินิกที่คล้ายคลึงกันได้ อีกทั้งสุนัขควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดโดยสัตวแพทย์ก่อนที่จะทำการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย (final diagnosis) 

• THE CCDR

 

การกรอก CCDR ให้ครบถ้วนนั้นให้เจ้าของเลือกคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคำถามแต่ละข้อโดยทำเครื่องหมายในช่องที่เตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ให้ทำเครื่องหมายเพียงอันเดียวต่อหนึ่งคำถาม/บรรทัดเท่านั้น และพยายามตอบคำถามแต่ละข้อให้ดีที่สุดตามความรู้ของคุณโดยพิจารณาจากพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

ข้อสำคัญ: หากสุนัขของคุณไม่เคยแสดงพฤติกรรมนี้ ณ ปัจจุบันและไม่เคยแสดงพฤติกรรมนี้เลยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ให้เลือกตัวเลือกเหมือนกันในคำถามที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม

ในการพิจารณาคะแนน CCDR ของสุนัขของคุณนั้นให้ใส่ตัวเลขที่ระบุในช่องสดมภ์ของคำตอบของคุณตรงช่องคะแนนทางด้านขวาของแต่ละคำถาม ตัวอย่างเช่น: หากสุนัขของคุณจ้องผนังหรือพื้นอย่างว่างเปล่า “สัปดาห์ละครั้ง” คำถามนี้จะมีคะแนนเป็น 3 และหากมี x2 หรือ x3 ถัดจากคะแนนนั้นคุณก็จะต้องคูณตัวเลขคะแนนในช่องสดมภ์นั้นด้วยสองหรือสามเพื่อให้ได้คะแนนสุดท้าย ตัวอย่างเช่น: หากสุนัขของคุณจำคนหรือสัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคยไม่ได้ “มากขึ้นเล็กน้อย (Slightly more)” ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สุนัขก็จะได้คะแนน 4 ตามช่องสดมภ์ จากนั้นให้คูณด้วย 3 เพื่อให้คะแนนสุดท้ายเป็น 12 สำหรับคำถามนั้น 

• ผลลัพธ์ 

 

สุดท้ายให้บวกคะแนนทั้งหมดเพื่อให้ได้ผลรวม โดยหากสุนัขของคุณมีคะแนน 50 คะแนนขึ้นไปจะถือว่ามีความเสี่ยงที่อาจมีภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัข (CCD) และเจ้าของควรติดตามผลนี้ร่วมกับสัตวแพทย์ หากสุนัขมีคะแนนระหว่าง 40-50 คะแนน เจ้าของสัตว์ควรประเมินสุนัขของตนเองอีกครั้งภายใน 6 เดือนเพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดใดหรือไม่

 

 

 

คะแนนช่องสดมภ์ (COLUMN SCORE) 1 2 3 4 5   ผลรวม     
  ไม่เคย  เดือนละครั้ง  สัปดาห์ละครั้ง  วันละครั้ง  มากกว่าวันละครั้ง     
สุนัขของคุณเดินขึ้นลง เดินเป็นวงกลม และ/หรือเดินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทิศทางหรือจุดประสงค์บ่อยแค่ไหน?                
สุนัขของคุณจ้องผนังหรือพื้นอย่างว่างเปล่าบ่อยแค่ไหน?                
สุนัขของคุณติดอยู่หลังสิ่งของและไม่สามารถไปไหนมาไหนได้บ่อยแค่ไหน?               
สุนัขของคุณจำคนหรือสัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคยไม่ได้บ่อยแค่ไหน?               
สุนัขของคุณเดินชนกำแพงหรือประตูบ่อยแค่ไหน?               
สุนัขของคุณเดินหนีในขณะที่คุณลูบหัวหรือเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลูบหัวบ่อยแค่ไหน?                
 
  ไม่เคย  ร้อยละ 1-30 ของเวลา  ร้อยละ 31-60 ของเวลา  ร้อยละ 61-99 ของเวลา  ตลอดเวลา     
สุนัขของคุณมีปัญหาในการหาอาหารที่ตกลงบนพื้นบ่อยแค่ไหน?               
 
  น้อยกว่ามาก  น้อยลงเล็กน้อย  เหมือนเดิม  มากขึ้นเล็กน้อย  มากกว่ามาก     
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้สุนัขของคุณเดินขึ้นลง เดินเป็นวงกลม และ/หรือเดินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทิศทางหรือจุดประสงค์หรือไม่?               
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้สุนัขของคุณจ้องผนังหรือพื้นอย่างว่างเปล่าหรือไม่?              
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้สุนัขของคุณขับปัสสาวะหรือถ่ายอุจจาระในบริเวณที่เพิ่งทำความสะอาดไปก่อนหน้านี้หรือไม่ (หากสุนัขของคุณไม่เคยขับถ่ายไม่เป็นที่มาก่อน ให้ทำเครื่องหมายที่ช่อง “เหมือนเดิม”)?                
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้สุนัขของคุณมีปัญหาในการหาอาหารที่ตกลงบนพื้นหรือไม่?              x2   
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้สุนัขของคุณจำคนหรือสัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคยไม่ได้หรือไม่?              x3   
 
  มากกว่ามาก  มากขึ้นเล็กน้อย  เหมือนเดิม  น้อยลงเล็กน้อย  น้อยกว่ามาก     
เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว สุนัขของคุณใช้เวลาทำกิจกรรมอย่างกระตือรือร้นเป็นระยะเวลาอย่างไร?                
          ผลรวม     

จากประสบการณ์ของผู้เขียน CCDR นั้นใช้งานได้ค่อนข้างง่ายและสามารถมอบให้เจ้าของเพื่อกลับไปกรอกข้อมูลที่บ้านได้ในกรณีที่สัตวแพทย์มีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะ CCD จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับในระหว่างการเข้ารับการรักษา (ยกตัวอย่างเช่น จากการซักประวัติขณะที่พาเข้ามารับการกระตุ้นวัคซีนตามปกติ) แบบสอบถามนี้จะช่วยให้เจ้าของสัตว์ได้ไต่ตรองถึงความชราของสัตว์เลี้ยงและสร้างวิถีในการดูแลสัตว์ป่วยสูงอายุเชิงรุกร่วมกับสัตวแพทย์ 

ในปัจจุบันนั้นนั้นมีความกังวลเนื่องจากยังมีภาวะ CCD ที่ไม่ได้รับการรายงาน (under-reporting) และมีโอกาสที่จะมีอาการแสดงทางคลินิกที่ไม่ชัดเจนแต่เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้เจ้าของสัตว์ทำแบบสอบถามที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสูงอายุทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้สามารถตรวจพบภาวะ CCD ที่เป็นไปได้ตั้งแต่แรกเริ่มและเริ่มการรักษาเพื่อปรับปรุงผลของโรค 12 เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยแยกแยะระหว่างความเสื่อมถอยทางสติปัญญาตามปกติ (normal cognitive decline) ที่สัมพันธ์กับอายุกับความผิดปกติจริงๆ (dysfunction)

นอกเหนือจากประวัติที่เจ้าของสัตว์แจ้งและข้อมูลที่ได้รับการรายงานแล้ว (reported information) สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการตรวจสอบการวินิจฉัยแยกโรคที่เป็นไปได้ (possible differential diagnoses) การทดสอบวินิจฉัย (diagnostic tests) จะขึ้นอยู่กับอาการที่แสดง ณ ขณะนั้นในแต่ละกรณี โดยควรตระหนักไว้ว่าการเจ็บป่วยร่วม (co-morbidity) สามารถพบได้เป็นเรื่องปกติ หากตัดโรคหรือภาวะอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกได้ก็จะสามารถวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีภาวะ CCD ได้ แต่ในกรณีที่มีภาวะอื่นเกิดขึ้นร่วมกัน (co-occurring conditions) ซึ่งมีอาการแสดงคล้ายคลึงกันนั้นสัตวแพทย์จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณทางคลินิก (clinical judgement) ในการตัดสินใจและอธิบายความคลุมเครือให้กับเจ้าของสัตว์อย่างละเอียด อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนความเป็นไปได้ในการวินิจฉัยภาวะ CCD อยู่เสมอเมื่อใดก็ตามที่มีเคสที่มีอาการแสดงทางคลินิกที่เกี่ยวข้องแต่เมื่อรักษาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้นหรือไม่ได้คงที่ตามที่คาดไว้หรือหากมีอาการแย่ลงอย่างกระทันหันหรือดูลุกลามมากขึ้น ในทำนองเดียวกันนี้เองสัตวแพทย์ควรพิจารณาการมีส่วนร่วมของโรคหรือภาวะอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาวะ CCD ซึ่งอาจแสดงลักษณะอาการและการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่คล้ายกัน เช่น หากสุนัขได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะ CCD แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นตามที่คาดไว้ กรณีนี้ควรแนะนำว่าอาจมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องและควรได้รับการประเมินปัญหาอื่นๆที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเหล่านี้ (underlying problems) ซ้ำ เช่น ความรู้สึกไม่สบายตัวเรื้อรัง (chronic discomfort) ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายหรือมีส่วนทำให้เกิดอาการของภาวะ CCD ได้ 

Beverley M. Wilson

CCD นั้นใช้วิธีการวินิจฉัยโดยคัดออก (diagnosis of exclusion) และยังไม่มีการทดสอบวินิจฉัยขั้นสุดท้ายก่อนเสียชีวิต (definitive antemortem diagnostic tests) ที่สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะ CCD ได้

Beverley M. Wilson

การวินิจฉัยแยกโรคสำหรับภาวะ CCD ที่พบได้บ่อย (Common differentials for CCD) 

มีภาวะหลายอย่างที่มีลักษณะอาการคล้ายกับภาวะ CCD และสิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาแต่ละภาวะในทุกกรณีที่ถูกสงสัยว่ามีภาวะ CCD  

 รู้สึกไม่สบายตัว (Discomfort)  

ความรู้สึกไม่สบายตัวเรื้อรัง (Chronic discomfort) สามารถเลียนแบบอาการหลายอย่างของภาวะ CCD ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (social interactions) วงจรการนอนหลับ (sleep/ wake cycles) การขับถ่ายไม่เป็นที่ (house soiling) และระดับการเคลื่อนไหว (activity levels) ตัวอย่างเช่น สุนัขที่เริ่มปลีกตัวมากขึ้นและไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของหรือสัตว์ตัวอื่นน้อยลงอาจเป็นเพราะมีปัญหาปวดจากโรคข้อเสื่อมดังนั้นจึงมีความลังเลที่จะลุกหรือลุกขึ้นได้ช้า (รูปภาพที่ 3) นอกจากนี้อาจใช้เวลานอนมากขึ้นหรือไม่ค่อยอยากที่จะมีปฏิสัมพันธ์และเล่นกับสุนัขตัวอื่นในบ้านลดลงเนื่องจากอาจทำให้ความไม่สบายตัวรุนแรงมากขึ้นได้ ในบางกรณีพฤติกรรมก้าวร้าวระหว่างสุนัขอาจเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเพราะสัตว์ที่มีความไม่สบายตัวจะอยากป้องกันและหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์ต่างๆดังกล่าว ความรู้สึกไม่สบายตัวเรื้อรังอาจสังเกตได้ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสุนัขยังสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมตามปกติบางอย่างได้อยู่ (เช่น การออกกำลังกายทุกวัน เพราะแรงจูงใจอย่างฉับพลันในการออกไปเดินเล่นทันทีจะเอาชนะความรู้สึกไม่สบายตัวใดใดที่เกิดขึ้นได้ อย่างน้อยก็ในระยะสั้น) และเนื่องจากบ่อยครั้งที่กรณีเหล่านี้อาจไม่แสดงสัญญาณที่ชัดเจนในระหว่างการตรวจทางคลินิกจึงทำให้เกิดความท้าทายในการวินิจฉัยอื่นๆเพิ่มเติม โดยทั่วไปแล้วหากสงสัยว่ามีความรู้สึกไม่สบายตัว ให้ทำการบรรเทาอาการปวดดูก่อนอย่างน้อยที่สุดประมาณ 4-6 สัปดาห์เพื่อช่วยประเมินบทบาทของความรู้สึกไม่สบายตัวเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือต้องให้ความรู้กับเจ้าของว่าการตอบสนองต่อการบรรเทาอาการปวดอาจจะดีขึ้นอย่างช้าๆและค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นบันทึกพฤติกรรมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้ หากพบว่ามีสัญญาณที่แย่ลงอย่างช้าๆภายหลังจากการหยุดการบรรเทาอาการปวดก็สามารถยืนยันข้อสงสัยว่ามีความรู้สึกไม่สบายตัวได้

A dog which has become more withdrawn and spends long periods lying down may have CCD

รูปภาพที่ 3 สุนัขที่เริ่มแยกตัวมากขึ้นและใช้เวลานอนค่อนข้างนานอาจเริ่มมีภาวะ CCD แต่ในความเป็นจริงแล้วสุนัขอาจมีอาการปวดจากโรคข้อเสื่อมก็ได้ © Shutterstock

การเปลี่ยนแปลงทางการได้ยิน การมองเห็นและการดมกลิ่น (Changes in hearing, vision and smell)

การสูญเสียการได้ยิน การมองเห็นและการดมกลิ่นอาจมีลักษณะคล้ายกับสัญญาณ DISHA 14 ตัวอย่างเช่น สุนัขที่มีการมองเห็นบกพร่องอาจลังเลที่จะออกกำลังกายหรืออาจเลือกที่จะอยู่ใกล้กับเจ้าของขณะเดินหรือดูสับสน (รูปภาพที่ 4) การตรวจร่างกายอย่างละเอียดและการซักประวัติที่เกี่ยวข้องกับอาการต่างๆเหล่านี้โดยเฉพาะจะเป็นประโยชน์ในการประเมินบทบาทของประสาทสัมผัสที่เปลี่ยนแปลงไปได้ 

It is important to check if a dog that has possible signs of CCD has other problems that could be partially or totally responsible

รูปภาพที่ 4 เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบว่าสุนัขที่มีอาการ CCD นั้นมีปัญหาอื่นๆที่อาจเป็นสาเหตุบางส่วนหรือทั้งหมดหรือไม่ เช่น สุนัขที่มองเห็นไม่ชัดอาจเริ่มอยู่ใกล้เจ้าของมากขึ้นเวลาเดิน © Shutterstock

โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบร่างกาย (Systemic disease) 

พยาธิวิทยา (pathologies) ที่ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญหลายอย่างนั้นสามารถนำไปสู่อาการที่คล้ายคลึงกับ CCD ได้ เช่น ระดับการเคลื่อนไหวลดลงอาจเกิดจากความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ ไตหรือระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งสัตวแพทย์จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังไม่จัดการกับสัตว์ป่วยโดยคิดถึงสาเหตุของการเกิดโรคไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว หากสุนัขอยู่ในช่วงอายุที่เหมาะสมสัตวแพทย์ก็ต้องพิจารณาถึงบทบาทที่เป็นไปได้ของ CCD ร่วมกับเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ และควรทำการทดสอบวินิจฉัยเพื่อแยกแยะปัจจัยทางการแพทย์ (medical factors) ที่อาจส่งผลต่ออาการที่สังเกตเห็นได้ 

ความเสื่อมถอยทางสติปัญญาตามปกติ (Normal cognitive decline)

เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราตามปกติของสุนัข โดยสุนัขจะประสบกับความเสื่อมถอยทางสติปัญญาเช่นเดียวกับในมนุษย์  แบบสอบถามที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้นจะช่วยแยกแยะระหว่างความเสื่อมถอยทางสติปัญญา (cognitive decline) กับความผิดปกติของการรับรู้และความคิด (cognitive dysfunction) 12 สุนัขบางตัวจะพบแค่ความเสื่อมถอยทางสติปัญญา ในขณะที่บางตัวนั้นจะอาการแสดงถึงความผิดปกติ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตอบแบบสอบถามทุก 6 เดือนหรือบ่อยกว่านั้นหากจำเป็นเพื่อช่วยระบุสัญญาณของความผิดปกติ

Daniel S. Mills

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขเป็นโรคที่มีความเสื่อมถดถอยลงเรื่อย ๆ (progressive disease) อีกทั้งยังคาดการณ์การตอบสนองต่อการรักษาหรืออัตราการเสื่อมถอย (rate of progression) ของภาวะนี้ได้ยาก

Daniel S. Mills

ทางเลือกในการจัดการและการรักษา (Management and treatment options) 

แม้ว่าภาวะ CCD จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม (early intervention) จะช่วยชะลอการลุกลามและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทั้งสุนัขและเจ้าของได้ 15,16 ทางเลือกในการจัดการได้แก่ การรักษาด้วยยา (medications) โภชนเภสัช (nutraceuticals) อาหาร (diet) การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและพฤติกรรม (environmental and behavioral modification) มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการรักษาแบบผสมผสานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการผสมผสานระหว่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (environmental measures) ร่วมกับอาหาร/โภชนเภสัช 17 ตารางที่ 2 การรักษาทั่วไปสำหรับภาวะ CCD ที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ (commercially available)  

นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาตามอาการ (symptomatic treatment) สำหรับอาการแสดงทางคลินิกเฉพาะ (specific clinical signs) ได้ตามต้องการ ยกตัวอย่าง เช่น หากสัตว์มีปัญหาตื่นในเวลากลางคืนหรือมีอาการอื่นๆที่ถูกรายงานไว้ทั้งหมดก็จะได้รับการจัดการอย่างดีด้วยการรักษาด้วยการแทรกแซงด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม (และมีการตรวจสอบเพื่อตัดโรคที่เกิดขึ้นร่วมกัน (comorbidities) ต่างๆออกไป) จากนั้นสัตวแพทย์ควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้: 

  • กำหนดกิจวัตรตอนกลางคืน (nighttime routine) เพื่อส่งเสริมสภาวะการพักผ่อน เช่น เดินเล่นและให้อาหารในตอนเย็นและปิดม่านเพื่อลดแสง/เสียงรบกวน 
  • ให้ยาที่ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นผลโดยตรงหรือเป็น “ผลข้างเคียง (side effect)” ที่เป็นประโยชน์ (เช่น chlorphenamine หรือ melatonin)

ในกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่สัตวแพทย์จะต้องทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อหารือเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เป็นข้อกังวล เช่นเดียวกับอาการเรื้อรัง (chronic condition) อื่นๆ เจ้าของสัตว์มักจะพบว่าการจัดการและการไม่มีวิธีแก้ไขอาการแสดงทางคลินิกนั้นเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดและน่าอารมณ์เสีย ดังนั้นการเข้าใจความรู้สึก (empathetic approach) ของเจ้าของสัตว์จะสามารถช่วยได้ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (effective communication) เกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเนื่องจากเจ้าของจำเป็นต้องทราบว่าอาการแสดงทางคลินิกไม่น่าจะหายขาดได้อย่างสมบูรณ์ (completely resolve) แต่มีเป้าหมายคือเพื่อลดความเร็วของการลุกลาม (speed of progression) และจัดการกับอาการเฉพาะเท่าที่จำเป็น อีกทั้งยังจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากทางเลือกการรักษาในแต่ละวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆที่กำลังเป็นอยู่ (concurrent health issues) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในสัตว์ป่วยสูงอายุ

ตารางที่ 2 การรักษาทั่วไปสำหรับภาวะ CCD ที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ (commercially available)  

หมวดการรักษา (Treatment category)  จุดมุ่งหมาย/วัตถุประสงค์ของการรักษาและผลลัพธ์ที่คาดหวัง 
ยา (Medication) Selegiline แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงอาการแสดงทางคลินิกที่มีรายงานและมีการเรียนรู้และความจำที่ดีขึ้น 15,18
Propentofylline ปรับปรุงอาการปัญญาทึบ (mental dullness) ความเซื่องซึม (lethargy) และความประพฤติ (demeanor) ให้ดีขึ้น; ปรับปรุงอาการของภาวะ CCD บางอย่างแต่การศึกษาบางฉบับลงความเห็นว่าไม่เห็นผล 19
อาหาร (สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants), mitochondrial enzymatic cofactors)    ลดความเสื่อมถอยทางสติปัญญา ลดความเร็วของความเสื่อมในการเรียนรู้งาน และช่วยปรับปรุงให้อาการแสดงทางคลินิกของภาวะ CCD ดีขึ้น 2,20
 โภชนเภสัช (Nutraceuticals)       SAMe ปรับปรุงอาการของภาวะ CCD; ปรับปรุงอาการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมและความตระหนักรู้ที่ถูกรายงานไว้  21
 สารเสริมต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant supplements)   ปรับปรุงอาการของภาวะ CCD; ปรับปรุงอาการแสดงทางคลินิกที่ถูกรายงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการงุนงงสับสน (disorientation) ปฏิสัมพันธ์ (interactions) และการขับถ่ายไม่เป็นที่ (house soiling) 9,22
การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม (ของเล่นใหม่, ออกกำลังกาย)  แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมถอยทางสติปัญญาที่ลดลงและลดความเร็วของการลุกลามของอาการแสดงทางคลินิก 2,23
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (เกมส์, การฝึก, ออกกำลังกาย)  แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมถอยทางสติปัญญาที่ช้าลงและลดความเร็วของการลุกลามของอาการแสดงทางคลินิก 2
 ฟีโรโมน (Pheromones)  ลดอาการวิตกกังวล (anxiety) ที่สังเกตเห็นได้ 8

ข้อพิจารณาเชิงปฏิบัติ (Pragmatic considerations)

เมื่อพิจารณาจากรายงานความชุกของภาวะ CCD สัตวแพทย์ที่ให้ความเห็นแรก (first-opinion veterinarians) มักจะเป็นผู้ที่พบสัตว์ป่วยอยู่บ่อยครั้งและตัวเลือกการรักษาที่หลากหลายในช่วงแรกอาจดูมากจนล้นหลาม อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าจำเป็นต้องมีการรักษาร่วมกันหลายๆวิธีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สัตว์ป่วยแต่ละราย โดยแนะนำให้ใช้แนวทางการรักษาแบบรายบุคคล (individualistic approach) และปรับการรักษาตามปัญหาของสุนัขที่เจ้าของรายงานมา เช่นเดียวกับปัจจัยของสัตว์ป่วย (เช่น มีโรคที่เกิดร่วมกัน (concurrent conditions)) และปัจจัยของเจ้าของ (เช่น รูปแบบการใช้ชีวิต เวลา และความสามารถในการฝึก) ที่มีอยู่หลากหลายซึ่งต่างมีจุดมุ่งหมายหลักคือเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่วยและเจ้าของโดยการทำให้อาการคงที่ (stabilizing) หรือจัดการกับอาการต่างๆที่มีการรายงาน (reported signs) 

ความอยากเป็นอิสระ (autonomy) และความปรารถนาของเจ้าของเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการประเมินและการรักษาจะต้องได้รับการเคารพ และพูดคุยเพื่อให้บรรลุข้อตกลงเสมอ แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของได้ (owner-related behavior change) แนวทางเชิงปฏิบัติมักเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเนื่องจากอาจไม่เหมาะสมที่จะทำการตรวจวินิจฉัยทั้งหมดตามที่สัตวแพทย์ต้องการ ทั้งนี้อาจมีพฤติกรรมบางอย่างที่เจ้าของรายงานให้สัตวแพทย์ทราบแต่เจ้าของรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องแก้ไขเนื่องจากไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาหรือเจ้าของสามารถยอมรับได้หากสุนัขของตนยังมีคุณภาพชีวิตที่สมเหตุสมผลอยู่ กรณีศึกษาในกล่องข้อความที่ 2 และ 3 ได้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายบางประการที่อาจเกี่ยวข้องและแนวทางในการปฏิบัติที่เหมาะสม อีกทั้งยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของทักษะทางคลินิก การสื่อสารและดุลยพินิจเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ (professional judgement) เพื่อสร้างแผนตามความต้องการของเจ้าของสัตว์ ซึ่งสามารถให้ผลคุ้มค่าสำหรับสัตวแพทย์เช่นเดียวกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทั้งสุนัขและเจ้าของได้อย่างมีนัยสำคัญ

Box 2. Case study example 1.

A dog who used to walk perfectly at exercise has begun pulling on the lead and no longer walks on a loose lead, due to altered learning and cognition with CCD. The dog is started on dietary modification and environmental enrichment, but the owner declines support for reschooling in loose-lead walking, as the dog’s concurrent arthritis means that long walks are no longer an option. The owner accepts that the dog will pull for its 10-minute walk around the village, and enjoys setting up scent games in the garden as enrichment for the dog to investigate. 

The veterinarian’s role here is to:

  • Assess the risk of the problem behavior: a different approach may need to be adopted if the dog was a giant breed who risked injuring their elderly owner by pulling on the lead.
  • Assess the health of the patient: is pulling on the lead likely to worsen signs related to any concurrent conditions such as osteoarthritis (as in this case)? In older medium to large breed dogs conditions such as laryngeal paralysis, osteoarthritis of the neck and forelimbs or intervertebral disc disease may also need to be considered.
  • Help the owner appreciate what management options are available: these may be simple changes (e.g., changing from a collar to a harness if there are neck issues) or more complex behavior modification options (e.g., fun loose-lead walking/training in the garden, perhaps in place of some of the scent games).
  • Potentially advocate for the patient: e.g., the owner may not be concerned with the dog pulling, but the veterinarian may notice potential signs of discomfort on clinical examination, such as reluctance when assessing range of motion of the neck. This might be supported by the dog’s behavior in the consultation room which the owner may not appreciate, such as a reluctance to pick a treat off the floor compared to treats eagerly and readily accepted from the veterinarian’s hand. Here good communication skills are needed to highlight to the owner that pulling on the lead may be exacerbating discomfort, so it would be beneficial to address this. The most appropriate behavior modification plan can then be collaboratively designed by the client and veterinarian.
  • Keeping an overview of multiple comorbidities and concurrent treatments; remember there is little published information regarding concurrent use of many medications, nutraceuticals and diets when comorbidities are present. As such the veterinarian will need be conscious of possible interactions with items which the owner may be giving for conditions such as osteoarthritis, and since many supplements are freely available over the counter it is vital to specifically ask the owner about these. Caution should also be exercised in relation to products and diets which contain the same, or similarly acting, ingredients, as there is a risk of “over supplementation” and potentially overdosing.
  • Offering dietary advice. Advise the owner that a recommended diet may be beneficial when it is fed exclusively, rather than when mixed with other foods. A pragmatic approach may be needed if palatability is an issue to ease transition from the previous diet.

Box 3. Case study example 2.

สุนัขได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะ CCD และเป็นโรคข้อเสื่อม โดยมีแพลนการจัดการสำหรับทั้ง 2 ภาวะ แต่เจ้าของสัตว์รายงานมาใหม่ว่าอยู่ดีๆเริ่มขับถ่ายไม่เป็นที่อย่างกระทันหัน แนวทางดังต่อไปนี้จะมีความเหมาะสม:  

  • เก็บรวบรวมประวัติอย่างละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพโดยทั่วไปและประวัติพฤติกรรมของสุนัข รวมถึงสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะปัสสาวะมาก/ดื่มน้ำมาก (PUPD) ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ (pollakuria) ตำแหน่งที่ทำการขับถ่าย ความถี่และการเริ่มมีอาการขับถ่ายไม่เป็นที่ วิธีที่เจ้าของทำควาสะอาดบริเวณที่สุนัขขับถ่ายและปฏิสัมพันธ์กับสุนัขในช่วงเวลาเหล่านี้ การทดสอบวินิจฉัยทางคลินิกเพิ่มเติมจำเป็นต้องทำตามความเหมาะสม เนื่องจากในกรณีนี้สุนัขไม่มีประวัติของภาวะปัสสาวะมาก/ดื่มน้ำมากหรือปัสสาวะบ่อยผิดปกติดังนั้นจึงต้องเก็บตัวอย่างปัสสาวะ นำมาตรวจค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ (urine specific gravity; USG) ตรวจปัสสาวะโดยใช้แผ่นทดสอบสำเร็จรูป (dipstick) และตรวจตะกอนปัสสาวะ (sediment examination) โดยผลการทดสอบของสุนัขตัวนี้พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งหมด อีกทั้งผลตรวจเลือดล่าสุดก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าการขับถ่ายไม่เป็นที่อาจเกิดจากภาวะ CCD อย่างไรก็ตามสัตวแพทย์ยังไม่สามารถตัดเรื่องความไม่สบายจากโรคข้อเสื่อมได้แม้ว่าในประวัติอาจไม่มีอาการอื่นที่ดูคล้ายกับโรคข้อเสื่อมเลยก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนสัตวแพทย์อาจลองให้ยาแก้ปวดดูก่อนซัก 4 สัปดาห์ในขณะที่ให้เจ้าของจดบันทึกประจำวันเพื่อดูการลุกลามของอาการ (ได้แก่ การดูเรื่องความสบาย การขับถ่ายไม่เป็นที่และระดับการเคลื่อนไหว)
  • ให้คำแนะนำในการจัดการกับภาวะขับถ่ายไม่เป็นที่ในขณะที่จะต้องวินิจฉัยความรู้สึกไม่สบายเพิ่มเติม กำหนดหลักเกณฑ์ในการทำความสะอาด (เช่น สารทำความสะอาดที่ผสมเอนไซม์ (enzymatic cleaner) และแนะนำเจ้าของให้พาสุนัขออกไปขับถ่ายเป็นประจำ ชมเชยและให้รางวัลเมื่อใดก็ตามที่สุนัขขับถ่ายในบริเวณที่เหมาะสมและอาจวางแผ่นรองซับ (puppy pads) ในบริเวณที่เหมาะสมสำหรับเวลาที่เจ้าของไม่ได้อยู่ดูแลสัตว์เลี้ยงเอง นอกจากนี้เจ้าของยังควรไปเรียนเกี่ยวกับวิธีฝึกสุนัขให้ประสบความสำเร็จ เช่น ฝึกโดยการจัดตารางให้มีการพักเข้าห้องน้ำเป็นประจำ (เช่น หลังกินอาหารหรือหลังตื่นนอน) และหลีกเลี่ยงการใช้บทลงโทษ (ซึ่งอาจส่งผลให้สุนัขเข้าห้องน้ำเฉพาะเวลาที่เจ้าของไม่อยู่และเพิ่มความกลัว/ความวิตกกังวล) และสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่ลื่นเพื่อให้สุนัขสามารถไปที่สวนได้ง่าย (เช่น วางเสื่อกันลื่นบนพื้นลามิเนตหรือพื้นกระเบื้องเดิมที่สุนัขต้องเดินผ่าน)

สุนัขสูงวัยควรได้รับการประเมินสัญญาณของภาวะ CCD เป็นประจำ 12 และการทำบันทึกคะแนนจากแบบสอบถามควรเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกทางคลินิกตามปกติด้วย (รูปภาพที่ 5) สำหรับสุนัขที่แสดงสัญญาณของภาวะ CCD ซึ่งได้รับการจัดการเป็นอย่างดีก็อาจจำเป็นต้องตรวจสุขภาพทุก 3 ถึง 6 เดือน แต่หากอาการต่างๆดูลุกลามรุนแรงมากกว่าเดิมหรือยังไม่คงที่ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสุขภาพบ่อยกว่านั้น สำหรับสุนัขที่แสดงอาการถาวรหรืออาการแย่ลงอย่างกะทันหัน สิ่งสำคัญคือต้องตรวจหาปัญหาสุขภาพอื่นที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันซึ่งอาจพัฒนาหรือลุกลามมากขึ้นนับตั้งแต่ตอนวินิจฉัยภาวะ CCD ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากสุนัขที่ก่อนหน้านี้เริ่มแสดงอาการงุนงงสับสนเล็กน้อยอยู่ดีๆเริ่มขับถ่ายไม่เป็นที่อย่างกะทันหัน สัตวแพทย์จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อหาภาวะต่างๆ เช่น โรคข้อเสื่อมที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการไปขับถ่ายนอกบ้าน (เช่น ขั้นบันไดก่อนออกนอกบ้าน ระยะทางจากที่พักผ่อนของสุนัขจนถึงสวนหรือพื้นที่ลื่น) โรคไต โรคตับ หรือโรคระบบต่อมไร้ท่ออื่นๆ (ซึ่งทำให้เกิดภาวะปัสสาวะมาก/ดื่มน้ำมาก (polyuria/polydipsia (PUPD)) ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection)

Geriatric dogs

รูปภาพที่ 5 สุนัขสูงวัยควรได้รับการประเมินสัญญาณของภาวะ CCD เป็นประจำ และการทำบันทึกคะแนนจากแบบสอบถามควรเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกทางคลินิกตามปกติด้วย  © Shutterstock

สรุป (Conclusion) 

ภาวะความผิดปกติของการรับรู้และความคิดในสุนัขหรือ CCD เป็นโรคที่มีความเสื่อมถดถอยลงเรื่อย ๆ (progressive disease) อีกทั้งยังคาดการณ์การตอบสนองต่อการรักษาหรืออัตราการเสื่อมถอย (rate of progression) ของภาวะนี้ได้ยาก โดยสัตว์ป่วยที่มีโรคที่เกิดขึ้นร่วมกัน (comorbidities) จะมีการพยากรณ์โรคที่แย่มากกว่า (guarded prognosis) เจ้าของสัตว์ควรได้รับการส่งเสริมให้ติดตามอาการแสดงออกทางคลินิกสำคัญ (key signs) (ไม่ใช่แค่เพียงสิ่งที่น่ากังวลในช่วงแรก) และเจ้าของสัตว์ต้องตระหนักถึงระดับและประเภทของการช่วยเหลือที่มีอยู่เพื่อช่วยสนับสนุนให้สัตว์เลี้ยงของตนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าผลลัพธ์อาจคาดการณ์ได้ยากแต่แนวทางในการปฏิบัติดังกล่าวจะทำให้มั่นใจได้ว่าสัตว์ได้รับโอกาสมากที่สุดและในหลายกรณีก็มีการตอบสนองไปในทางที่ดีซึ่งจะทำให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความพึงพอใจที่สุด

References

  1. Azkona G, García-Belenguer S, Chacón G, et al. Prevalence and risk factors of behavioural changes associated with age-related cognitive impairment in geriatric dogs. J. Small Anim. Pract. 2009;50(2):87-91: DOI: 10.1111/j.1748-5827.2008.00718.x

  2. Milgram NW, Zicker SC, Head E, et al. Dietary enrichment counteracts age-associated cognitive dysfunction in canines. Neurobiol. Aging 2002;23(5):737-745: DOI: 10.1016/S0197-4580(02)00020-9

  3. Osella MC, Re G, Odore R, et al. Canine cognitive dysfunction syndrome: Prevalence, clinical signs and treatment with a neuroprotective nutraceutical. Appl. Anim. Behav. Sci. 2007;105(4);297-310: DOI: 10.1016/j.applanim.2006.11.007

  4. Salvin HE, McGreevy PD, Sachdev PS, et al. Underdiagnosis of canine cognitive dysfunction: A cross-sectional survey of older companion dogs. Vet. J. 2010;184:277-281 DOI: 10.1016/j.tvjl.2009.11.007

  5. Landsberg G, Araujo JA. Behavior problems in geriatric pets. Vet. Clin. North Am. Small Anim. Pract. 2005;35;675-698: DOI: 10.1016/j.cvsm.2004.12.008

  6. Neilson JC, Hart BL, Cliff KD, et al. Prevalence of behavioral changes associated with age-related cognitive impairment in dogs. J. Am. Vet. Med. Assoc. 2001;218:1787-1791 DOI: 10.2460/javma.2001.218.1787

  7. Landsberg GM, Hunthausen WL, Ackerman LJ. The effects of aging on behavior in senior pets In: Behavior Problems of the Dog and Cat. St Louis, MI; Elsevier; 2003;107-134

  8. Landsberg GM, Denenberg S. Behaviour problems in the senior pet. In: BSAVA Manual of Canine and Feline Behavioural Medicine. Gloucester, BSAVA; 2018;127-135. DOI: 10.22233/9781905319879.12

  9. Madari A, Farbakova J, Katina S, et al. Assessment of severity and progression of canine cognitive dysfunction syndrome using the CAnine DEmentia Scale (CADES). Appl. Anim. Behav. Sci. 2015;171;138-145. 171: DOI: 10.1016/j.applanim.2015.08.034

  10. González-Martínez Á, Rosado B, Pesini P, et al. Plasma β-amyloid peptides in canine aging and cognitive dysfunction as a model of Alzheimer’s disease. Exp. Gerontol. 2011;46;590-596: DOI: 10.1016/j.exger.2011.02.013

  11. Schütt T, Toft N, Berendt M. A comparison of 2 screening questionnaires for clinical assessment of canine cognitive dysfunction. J. Vet. Behav. 2015;10(6):452-458 DOI: 10.1016/j.jveb.2015.07.036

  12. Salvin HE, McGreevy PD, Sachdev PS, et al. The canine cognitive dysfunction rating scale (CCDR): A data-driven and ecologically relevant assessment tool. Vet. J. 2011;188:331-336. DOI: 10.1016/j.tvjl.2010.05.014

  13. Pageat P. Description, clinical and histological validation of the A.R.C.A.D. score (evaluation of age-related cognitive and affective disorders). Third International Congress on Behavioural Medicine Newsletter of the American Veterinary Society of Animal Behavior 2001.

  14. Fefer G, Khan MZ, Panek WK, et al. Relationship between hearing, cognitive function, and quality of life in aging companion dogs. J. Vet. Intern. Med. 2022;36:1708-1718. DOI: 10.1111/jvim.16510

  15. Landsberg G. Therapeutic agents for the treatment of cognitive dysfunction syndrome in senior dogs. Prog. Neuropsychopharmacol. Biol. Psychiatry. 2005;29:471-479. DOI: 10.1016/j.pnpbp.2004.12.012

  16. Haug LI. Canine and feline cognitive dysfunction. Adv. Small Anim. Med. Surg. 2013;26: DOI: 10.1016/j.asams.2013.10.001

  17. Milgram NW, Head E, Zicker SC, et al. Learning ability in aged beagle dogs is preserved by behavioral enrichment and dietary fortification: a two-year longitudinal study. Neurobiol. Aging. 2005;26(1):77-90. DOI: 10.1016/j.neurobiolaging.2004.02.014

  18. Milgram NW, Ivy GO, Head E, et al. The effect of l-deprenyl on behavior, cognitive function, and biogenic amines in the dog. Neurochem. Res. 1993;18:1211-1219 DOI: 10.1007/BF00975038 

  19. Siwak CT, Gruet P, Woehrlé F, et al. Comparison of the effects of adrafinil, propentofylline, and nicergoline on behavior in aged dogs. Am. J. Vet. Res. 2000;61(11):1410-1414. DOI: 10.2460/ajvr.2000.61.1410

  20. Pan Y, Landsberg G, Mougeot I, et al. Efficacy of a therapeutic diet on dogs with signs of cognitive dysfunction syndrome (CDS): a prospective double blinded placebo controlled clinical study. Front. Nutr. 2018;5:127. DOI: 10.3389/fnut.2018.00127

  21. Rème CA, Dramard V, Kern L, et al. Effect of S-adenosylmethionine tablets on the reduction of age-related mental decline in dogs: a double-blinded, placebo-controlled trial. Vet. Therap. 2008;9:69-82.

  22. Heath SE, Barabas S, Craze PG. Nutritional supplementation in cases of canine cognitive dysfunction - a clinical trial. Appl. Anim. Behav. Sci. 2007;105:284-296. DOI: 10.1016/j.applanim.2006.11.008

  23. Bray EE, Raichlen DA, Forsyth KK, et al. Associations between physical activity and cognitive dysfunction in older companion dogs: results from the Dog Aging Project. Geroscience 2023;45:645-661. DOI: 10.1007/s11357-022-00655-8

Beverley M. Wilson

Beverley M. Wilson

Dr. Wilson graduated from the University of Nottingham in 2012 อ่านเพิ่มเติม

Daniel S. Mills

Daniel S. Mills

Professor Mills graduated from the University of Bristol in 1990 อ่านเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ ในประเด็นนี้

หมายเลขหัวข้อ 33.3 เผยแพร่แล้ว 09/02/2024

ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงที่เกี่ยวข้องกับพยาธิวิทยา

บทความนี้จะพิจารณาถึงการวินิจฉัยแยกโรค (differential diagnoses) และตัวเลือกในการจัดการการรักษาเมื่อพบว่าสุนัขมีระดับแคลเซียมในเลือดสูง

โดย Jordan M. Hampel และ Timothy M. Fan

หมายเลขหัวข้อ 33.3 เผยแพร่แล้ว 19/01/2024

โภชนาการของแมวสูงอายุ

แมวสูงอายุนั้นมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างจากแมวอายุน้อยกว่าอย่างไร บทความนี้จะช่วยบอกคุณถึงสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ทั้งหมด

โดย Lori Prantil และ Becca Leung

หมายเลขหัวข้อ 33.3 เผยแพร่แล้ว 05/01/2024

โรคผิวหนังในสุนัขสูงวัย

เมื่อสุนัขอายุมากขึ้น ผิวหนังของพวกมันก็มีอายุมากขึ้นเช่นเดียวกัน บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้และภาวะทางผิวหนัง (dermatologic conditions) ที่พบได้บ่อยในสุนัขสูงวัย

โดย Mitzi D. Clark

หมายเลขหัวข้อ 33.3 เผยแพร่แล้ว 15/12/2023

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและการจัดการด้านน้ำหนักในสุนัขสูงวัย

การสูญเสียกล้ามเนื้อ (muscle loss) หรือภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (sarcopenia) ในสุนัขอายุมากนั้นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการทำงาน บทความนี้ได้สรุปวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาปัญหานี้ได้

โดย Matthew A. Kopke