การคำนวณปริมาณพลังงานในอาหารสัตว์
สาเหตุที่ปริมาณพลังงานในอาหารสัตว์มีความสำคัญเป็นเพราะ...
เผยแพร่แล้ว 20/11/2021
สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Română , Español และ English
กระแสความนิยมในการให้สุนัขและแมวบริโภคอาหารดิบเริ่มขึ้นในช่วงปี 1990 จากหนังสือที่เขียนโดยสัตวแพทย์ชาวออสเตรเลียเกี่ยวกับข้อดีของการให้อาหารดิบแก่สุนัข และตัวย่อ BARF โดยทั่วไปอาจหมายถึง Biologically Appropriate Raw Food หรือ Bones And Raw Food ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้อย่างกว้างขวางในบริบทดังกล่าว (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)
อาหาร BARF ถูกคิดค้นขึ้นโดยการปรับพฤติกรรมการล่าให้เข้ากับสุนัขและแมวเลี้ยง อาหารที่ให้จะประกอบด้วยเนื้อดิบเป็นหลักโดยมีสัดส่วนของเนื้อติดกระดูกและเครื่องในที่สูง
กระแสความนิยมในการให้สุนัขและแมวบริโภคอาหารดิบเริ่มขึ้นในช่วงปี 1990 จากหนังสือที่เขียนโดยสัตวแพทย์ชาวออสเตรเลียเกี่ยวกับข้อดีของการให้อาหารดิบแก่สุนัข 1 ทำให้คำว่า BARF ซึ่งอาจเป็นตัวย่อของ biologically appropriate raw food หรือ bones and raw food เป็นที่รู้จักและถูกนำมาใช้แพร่หลายมากขึ้น แนวทางและหลักการในการให้อาหารดิบนั้นมีหลากหลายเช่น prey model หรือ ultimate diet 2 ซึ่งเป็นที่รู้จักน้อยกว่าและคำว่า BARF ได้ถูกนำมาใช้ในการให้อาหารดิบแก่สัตว์
อาหาร BARF นั้นมุ่งเน้นไปที่การปรับอาหารจากระบบเหยื่อ-ผู้ล่าให้เหมาะสมกับสุนัขและแมวเลี้ยงได้บริโภคองค์ประกอบหลักคือเนื้อดิบที่มีสัดส่วนของเนื้อติดกระดูกและเครื่องในปริมาณสูง (รูป 1) นอกจากนี้ยังมีผัก ผลไม้ ถั่ว และสมุนไพร โดยมีไข่และผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณที่น้อย ไม่แนะนำให้ใช้ธัญพืชเป็นส่วนผสมแต่อาจมีคาร์โบไฮเดรตจากองค์ประกอบอื่นได้บ้างเช่นมันฝรั่ง ถึงแม้ว่าอาหาร BARF จะห้ามไม่ให้ใช้ส่วนประกอบที่มาจากการสังเคราะห์เช่นการเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุแต่มีผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมากมายให้เลือกซื้อเพื่อเสริมอาหาร BARF
แรงจูงใจที่สำคัญที่สุดของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในการเลือกให้อาหาร BARF คือความต้องการอาหารที่มาจากธรรมชาติและดีต่อสุขภาพมากกว่าเดิม (รูป2) 3 4 สาเหตุอื่นได้แก่โรคเรื้อรังเช่นโรคผิวหนัง โรคระบบทางเดินอาหารและภูมิแพ้ ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงหวังว่าการให้อาหาร BARF จะช่วยให้อาการดีขึ้น รวมถึงคำกล่าวอ้างว่าอาหารสัตว์ที่มีขายในท้องตลาดทำจากเศษอาหารและสารเคมีซึ่งก่อให้เกิดโรคต่างๆมากมาย สาเหตุเหล่านี้ทำให้เจ้าของสัตว์เกิดความกังวลและเสาะหาทางเลือกที่ดูสุขภาพดีกว่า
แหล่งข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับ BARF มาจากอินเตอร์เน็ตและหนังสือ (รูป3) 3 4 เป็นที่น่าเสียดายว่าข้อมูลส่วนมากมักถูกเขียนโดยผู้ที่ไม่ได้อยุ่ในแวดวงที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดหรือแม้แต่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแต่ดูมีความน่าเชื่อถือเพราะนำเสนอในรูปแบบงานทางวิทยาศาสตร์ BARF มักถูกนำเสนออย่างปลุกเร้าอารมณ์ในรูปแบบของยาครอบจักรวาลต่อความผิดปกติต่างๆไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยหรือปัญหาทางพฤติกรรม ส่งผลให้เจ้าของสัตว์บางคนที่ปกติไม่ให้สัตว์เลี้ยงบริโภคเนื้อดิบเชื่อว่าการให้อาหารสำเร็จรูปคือการทำร้ายสัตว์อย่างหนึ่ง
ข้อเท็จจริงแรกที่สำคัญคือไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับผลระยะยาวของอาหารดิบ การวิเคราะห์ผลดีและผลเสียของ BARF จึงมาจากการอ้างอิงข้อมูลจากความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและ nutritional physiology ข้อได้เปรียบของ BARF ที่มีต่ออาหารสำเร็จรูปมีดังต่อไปนี้พร้อมทั้งข้อมูลเพิ่มเติม
ประโยชน์ของอาหาร BARF ที่ได้รับการกล่าวอ้างบ่อยได้แก่ช่วยทำให้ขนเงางาม พฤติกรรมร่าเริง ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เป็นความรู้สึกของผู้สังเกตซึ่งพิสูจน์ได้ยากในการทดลอง การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมและภาวะทุพโภชนาการจะส่งผลให้เกิดความอยากอาหารลดลง ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและผิวหนังซึ่งทำให้เจ้าของสัตว์ที่อ่อนไหวกับแนวคิดที่ว่าอาหารสำเร็จรูปทำให้สัตว์เลี้ยงของตนเองป่วยอยู่แล้ว ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้อาหารดิบโดยไม่พิจารณาเกี่ยวกับสาเหตุที่เป็นไปได้กรณีอื่นเช่นการติดเชื้อและปรสิตในทางเดินอาหาร
ความเสี่ยงที่ต้องระวังในการให้อาหารดิบมีดังนี้
1. ความไม่สมดุลทางโภชนาการ
2. ความเสี่ยงทางด้านสุขอนามัยของการกินเนื้อดิบ
3. อันตรายจากการกินกระดูก
4. ส่วนประกอบที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย
1. ความไม่สมดุลทางโภชนาการ
อาหารที่มีความใกล้เคียงธรรมชาติมักถูกมองว่าสามารถเติมเต็มความต้องการด้านสารอาหารได้ครบถ้วน สารสังเคราะห์ที่ใช้ปรุงแต่งนั้นไม่มีความจำเป็นและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ซึ่งสอดคล้องกับการที่ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่อยู่ภายในอาหารได้เท่านั้น สิ่งที่จำเป็นในการเตรียมอาหาร BARF ที่ตอบสนองความต้องการของร่างกายคือความรู้เกี่ยวกับสารอาหารที่มีในส่วนประกอบและวิธีในการจัดเตรียมอาหารให้มีความสมดุล สูตรอาหารเหล่านี้พบได้มากมายในหนังสือและอินเตอร์เน็ตแต่มักพบข้อผิดพลาดหลายกรณี ดังนี้
ความรู้เกี่ยวกับภาวะขาดสารอาหารสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากตำราพื้นฐานด้านโภชนาการและสรีรวิทยา สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือสัตว์ที่มีภาวะขาดสารอาหารสามารถอยู่ได้โดยไม่แสดงอาการเป็นเวลาหลายเดือนหรือแม้กระทั่งหลายปีจนกว่าร่างกายจะไม่สามารถชดเชยได้หรือร่างกายมีความต้องการมากขึ้น เจ้าของมักโต้แย้งว่าสัตว์ดูแข็งแรงและไม่น่าขาดสารอาหารหรือผลการตรวจเลือดออกมาปกติดีทำให้อาหารที่ให้อยู่นั้นถูกต้องแล้ว
สัตวแพทย์จำเป็นต้องชี้ให้เจ้าของสัตว์ตระหนักว่าปริมาณสารอาหารที่เหมาะสมในร่างกายไม่สามารถบอกได้โดยการตรวจเลือดที่บอกได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงระยะยาวจะเห็นผลเมื่อมีการขาดหรือได้รับสารอาหารปริมาณสูงสะสม ในกรณีของแคลเซียมและฟอสฟอรัสจะพบว่าปริมาณในกระแสเลือดจะอยู่ในช่วงที่แคบ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจนถึงระดับที่เกิดโรคมักไม่ค่อยเกี่ยวกับอาหาร
ปริมาณสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์ในปัจจุบันใช้ตัวเลขอ้างอิงจากหน่วยงานที่กำกับดูแลหรือสภาวิจัย* 7
* ผู้จัดจำหน่ายหรือผู้ผลิตอาหารสัตว์จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการผลิตของแต่ละประเทศซึ่งอาจมาจาก National Research Council (NRC) European Pet Food Industry Federation (FEDIAF) หรือ Association of American Feed Control Officials (AAFCO) อย่างเคร่งครัด กฏและข้อปฏิบัติเหล่านี้จะสร้างความมั่นใจว่าอาหารสัตว์ที่ผลิตออกมามีความสมดุลทางโภชนาการและความปลอดภัยโดยรายละเอียดต่างๆสามารถตรวจสอบได้จากทางเวบไซต์ของแต่ละองค์กร
ผู้สนับสนุนแนวคิดของ BARF มักไม่ยอมรับตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพราะคำนวณจากการทดลองให้อาหารบริสุทธิ์ซึ่งไม่อาจนำมาประยุกต์ใช้กับอาหารดิบได้ อย่างไรก็ตามค่าที่กำหนดนั้นบอกขอบเขตความปลอดภัย (margin of safety) ที่คิดจากอาหารปรุงสุกพร้อมกิน ถึงแม้ว่าปัจจุบัน NRC ยังไม่ได้กำหนดค่าที่เหมาะสมสำหรับอาหารดิบแต่ก็เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดในการนำมาใช้ โอกาสที่จะได้รับสารอาหารมากเกินไปเมื่อใช้ค่าที่แนะนำจาก NRC เพื่อคำนวณอาหาร BARF นั้นเกิดได้ยากแต่ควรยึดตามค่าความต้องการขั้นต่ำของร่างกายและค่าขอบบนของขอบเขตความปลอดภัยในการจัดเตรียมอาหาร BARF
เจ้าของสัตว์บางคนต่อต้านการเสริมวิตามินและแร่ธาตุในอาหารด้วยสาเหตุที่ว่ามาจากการสังเคราะห์และต้องการให้สัตว์ได้รับแต่สิ่งที่มาจากธรรมชาติเช่นผัก ผลไม้ ถั่วและสมุนไพร ประเด็นสำคัญคือปริมาณแร่ธาตุและวิตามินต่างๆที่มีระบุไว้ในวัตถุดิบจากธรรมชาตินั้นเป็นการประเมินอย่างคร่าวและในทางปฏิบัติมีโอกาสที่จะพบน้อยกว่านั้น การนำสมุนไพรมาใช้เป็นการประยุกต์จากการแพทย์แผนโบราณในคนและมักไม่มีผลการวิจัยในสุนัขและแมวมารองรับ
การเตรียมอาหาร BARF ให้ตอบโจทย์ความสมดุลทางโภชนาการโดยใช้ส่วนประกอบเพียงอย่างเดียวและไม่มีการเติมวิตามินหรือแร่ธาตุนั้นสามารถทำได้แต่มีความยากและซับซ้อน จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการ
อาหารเสริมต่างๆที่มาจากสาหร่าย สมุนไพร โคลนที่ใช้ในการแพทย์แผนโบราณของเยอรมันที่เรียกกันว่า Heilerde หรือ “healing earth” และผลิตภัณฑ์คล้ายคลึงอื่นที่ได้รับความนิยมจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงในฐานะสารอาหารที่มาจากธรรมชาติและมีแร่ธาตุจำเป็นแต่ระบุชนิดไม่ได้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนหรือถูกต้อง บางครั้งอาจไม่พบรายละเอียดของส่วนประกอบและไม่มีผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับสารอาหารในผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่แนะนำให้ใช้หากผลิตภัณฑ์มีลักษณะดังกล่าว แร่ธาตุที่พบในผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีความแตกต่างกันได้มาก เช่นสาหร่ายทะเลเป็นแหล่งของไอโอดีนที่ดีแต่สาหร่ายสไปรูลิน่าและคลอเรลล่าเป็นสาหร่ายน้ำจืดซึ่งไม่มีไอโอดีนเลย นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงผลข้างเคียงและปฏิกิริยาระหว่างอาหารเสริมแต่ละชนิดอีกด้วย
2. ความเสี่ยงของการบริโภคเนื้อดิบ
เนื้อสัตว์ดิบเป็นแหล่งของแบคทีเรีย ไวรัส และปรสิต เชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าเทียม(pseudorabies)เป็นอันตรายอย่างมากต่อสุนัขและแมว เจ้าของหลายคนทราบว่าไม่ควรให้สุนัขและแมวบริโภคเนื้อหมูดิบเพราะมีรายงานหลายฉบับพบว่าสุนัขล่าสัตว์เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าเทียมจากการสัมผัสกับซากหมูป่า 8 (รูป 6) ในความเป็นจริงแล้วเนื้อสัตว์ดิบทุกชนิดสามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่ปฏิบัติตามกฏความปลอดภัยด้านอาหารในการจัดเตรียม
เชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่พบได้อาจเป็นกลุ่มที่ก่อโรคในทางเดินอาหารเช่น E.coli, Salmonella, Campylobacter และ Yersinia นอกจากนี้ยังมีพยาธิเช่นพยาธิตัวแบน Echinococcus spp. ซึ่งสามารถติดในสุนัขและแมวได้ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อมนุษย์ทั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในทางเดินอาหาร โรคสัตว์สู่คนเช่น tuberculosis หรือ tularemia และ toxoplasmosis สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นอาหารสามารถเป็นพาหะนำเชื้อได้
ผู้ที่สนับสนุนอาหาร BARF จะตอบโต้ความกังวลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อด้วยแนวคิดว่าสุนัขและแมวจะมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติต่อโรคเหล่านี้สูงซึ่งเป็นความจริงบางส่วนว่าสุนัขและแมวมักไม่แสดงอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงเหมือนคนในกรณีของการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella และ E. coli แต่หากติดเชื้อมีโอกาสที่แสดงอาการได้รุนแรงถึงขั้น septicemia โดยเฉพาะในตัวที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือปัญหาต่อสุขภาพในคน ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่การสัมผัสกับเนื้อดิบ (รูป 7) แต่สุนัขและแมวที่บริโภคเนื้อดิบที่ปนเปื้อนเชื้อก่อโรคสามารถกลายเป็นพาหะโดยไม่แสดงอาการและปล่อยเชื้อเช่น Salmonella ออกมากับอุจจาระได้เป็นระยะเวลานาน สร้างโอกาสให้แบคทีเรียติดอยู่ตามตัวสัตว์ กระจายไปตามสถานที่ต่างๆในบ้านได้
ความเสี่ยงด้านสุขอนามัยจากการบริโภคเนื้อดิบมักไม่ถูกกล่าวถึงในบทความหรือแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร BARF อาจมาจากสาเหตุที่ปัจจุบันมาตรฐานด้านอาหารนั้นค่อนข้างสูงจนทำให้ความตระหนักในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของการบริโภคลดลง อย่างไรก็ตามอาหาร BARF มักไม่ได้มาจากแหล่งผลิตที่มีมาตรฐานอาหารเดียวกับคน นอกจากนี้ยังมีแหล่งจำหน่ายเนื้อและผลพลอยได้จากเนื้อที่ใช้เตรียมอาหาร BARF ในอินเตอร์เน็ต สินค้าเหล่านี้มักถูกจัดส่งในรูปแบบแช่แข็งแต่ไม่ได้ถูกกำหนดให้ใช้มาตรฐานด้านอนามัยเช่นเดียวกับในอุตสาหกรรมอาหารจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งได้รับการฆ่าเชื้อทำความสะอาดอย่างเหมาะสมและมีการรักษาห่วงโซ่ความเย็นหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารดิบพร้อมกินจำหน่ายโดยมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์หลายชนิดมีการจัดการการปนเปื้อนทางชีวภาพที่ไม่ดี 9 10 ในขั้นตอนผลิตอาหารสัตว์ทั่วไปนั้นจำเป็นต้องมีมาตรฐานการผลิตที่สูงเพื่อคงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารในกระบวนการผลิตเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคเช่น Salmonella
3. ปัญหาที่เกิดจากการบริโภคกระดูก
อันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคกระดูกเช่นแผลในช่องปากและฟันแตก เศษกระดูกติดในคอหรือหลอดอาหาร ท้องผูก ภาวะทางเดินอาหารอุดตันจากการที่ลำไส้ไม่บีบตัว (ileus) หรืออาจเกิดภาวะทางเดินอาหารฉีกขาดได้ (รูป 8) ไม่มีรายงานว่าพบปัญหาเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับความนิยมการให้อาหาร BARF ในปัจจุบันหรือไม่ แต่จากมุมมองของสัตวแพทย์ในสถานพยาบาลมีความรู้สึกว่ามีสัตว์ป่วยมาด้วยกรณีที่กล่าวมาข้างบนมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อ 5 ปีก่อนที่พบได้น้อยกว่ามาก
4. มีส่วนประกอบที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นอันตราย
โอกาสที่เจ้าของสัตว์จะใช้ส่วนผสมที่ไม่เหมาะสมหรือมีความเป็นพิษต่อสัตว์ในการเตรียมอาหารที่บ้านโดยความไม่รู้นั้นเกิดขึ้นได้ เจ้าของส่วนมากทราบดีว่าชอคโกแลต องุ่น และหัวหอมเป็นอันตรายต่อสัตว์แต่ยังมีวัตถุดิบชนิดอื่นที่ยังมีการถกเถียงและแนะนำให้ใช้ในอาหาร BARF ยกตัวอย่างเช่นกระเทียมซึ่งเชื่อว่าช่วยให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงและต้านปรสิตในทางเดินอาหารแต่ในทางปฏิบัติไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับและยังสามารถทำลายเม็ดเลือดแดงในระยะยาวเช่นเดียวกับต้นหอม ที่มักให้สัตว์กินเป็นของขบเคี้ยวหรือเครื่องเคียง ผู้สนับสนุนแนวคิดอาหาร BARF มักตอบโต้คำเตือนเกี่ยวกับวัตถุดิบดังกล่าวว่าให้ในขนาดที่ต่ำกว่าความเป็นพิษแต่ไม่มีหลักฐานว่าการบริโภคปริมาณน้อยแต่เป็นระยะเวลานานจะปลอดภัยหรือไม่ ทางสัตวแพทย์จึงไม่แนะนำสุนัขบริโภคพืชตะกูลหอมใหญ่เลย อาหารบางชนิดมีข้อห้ามที่ไม่ควรบริโภคดิบเช่น
ข้อควรระวัง
มีข้อควรระวัง 2 ประการที่จำเพาะต่อการให้อาหาร BARF
การให้อาหาร BARF จำเป็นต้องพิจารณาว่าคุณสมบัติอาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูง ระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ความเสี่ยงด้านสุขอนามัย เหมาะสมกับความต้องการทางโภชนาการและสภาพร่างกายสัตว์ป่วยหรือไม่
วิตามินและแร่ธาตุต่างๆเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกอาหารให้สัตว์ป่วยเพราะจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย การเปลี่ยนอาหารถือเป็นปัจจัยความเครียดชนิดหนึ่งที่ต้องระมัดระวังเพราะสัตว์ป่วยด้วยมะเร็งหรือเนื้องอกมักมีความอยากอาหารต่ำอยู่แล้ว
อาหาร BARF เป็นทางเลือกหนึ่งในการให้อาหารสุนัขและแมวแต่มีความเสียงหลายประการ สัตวแพทย์จำเป็นต้องอธิบายความเสี่ยงให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงทราบแต่ต้องเคารพแนวคิดและการตัดสินใจของเจ้าของสัตว์ เจ้าของสัตว์มักพยายามเลือกเฟ้นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงแต่อาจถูกจูงใจจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ต คำโฆษณาหรือบุคคลอื่นได้ สัตวแพทย์ต้องแนะนำวิธีการเลือกอาหารและวัตถุดิบอย่างถูกวิธีเพราะข้อมูลในหนังสือและอินเตอร์เน็ตมักมีข้อผิดพลาด วัตถุดิบอาหารทั้งหมดต้องผ่านกระบวนการตรวจทางสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดและเจ้าของสัตว์ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียหากสั่งสินค้ามาส่ง ควรหลีกเลี่ยงเนื้อจากบริเวณหัวและคอหากมีต่อมไทรอยด์อยู่ด้วย ไม่ควรให้อาหารดิบในกรณีที่สัตว์อาศัยร่วมกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (เด็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ คนชรา และผู้ป่วย) และสัตว์ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับคนเป็นเวลานานเช่นสุนัขที่ทำหน้าที่บำบัดหรือช่วยในการศึกษา
Stefanie Handl
Dr. Handl graduated from the University of Veterinary Medicine Vienna in 2002 and received her doctorate degree in 2005; she then went on to work as a research อ่านเพิ่มเติม
สาเหตุที่ปริมาณพลังงานในอาหารสัตว์มีความสำคัญเป็นเพราะ...
สัตวแพทย์และบุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลสัตว์มักพบคำถามหรือข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอาหารสัตว์จากเจ้าของสัตว์เลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง...
สาเหตุที่ปริมาณพลังงานในอาหารสัตว์มีความสำคัญเป็นเพราะ...
มนุษย์มีสัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านจิตวิทยา เช่น...