วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์
วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์

หมายเลขหัวข้อ 32.1 Other Scientific

การใช้กราฟการเจริญเติบโตสำหรับลูกสุนัข

เผยแพร่แล้ว 20/04/2022

เขียนโดย Caitlin Grant

สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Polski , Português , Română , Español , English และ Українська

กราฟการเจริญเติบโตได้มีการใช้อย่างแพร่หลายในเด็ก จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้มีการนำมาใช้ในสุนัขและกลายเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับสัตวแพทย์ในการติดตามการเจริญเติบโต (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)

ีรีมัสกำลังชั่งน้ำหนักที่บ้าน

ประเด็นสำคัญ

สถาบัน Waltham Center ได้พัฒนากราฟการเจริญเติบโตสำหรับลูกสุนัขเพื่อให้สัตวแพทย์ใช้ประเมินว่าอัตราการเติบโตของลูกสุนัขสัมพันธ์กับอายุหรือไม่


กราฟการเจริญเติบโตสามารถนำมาใช้ร่วมกับการตรวจร่างกายลูกสุนัขเพื่อให้มั่นใจว่าลูกสุนัขได้รับโภชนาการที่เหมาะสม


ปัจจุบันมีกราฟการเจริญเติบโตสำหรับสุนัขทั้งหมด 10 แบบแบ่งตามเพศ และน้ำหนักโตเต็มวัยโดยประมาณ


กราฟที่มียังไม่สามารถใช้ได้กับสุนัขพันธุ์ยักษ์(น้ำหนักโตเต็มวัย > 40 กิโลกรัม) สัตวแพทย์จำเป็นต้องทำการสร้างกราฟที่ใช้ได้กับสุนัขในหมวดนี้แต่ละตัวโดยเฉพาะ


บทนำ

การให้คำแนะนำในการเลี้ยงดูลูกสุนัขและแมวนั้นเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่พบได้บ่อยสำหรับสัตวแพทย์และถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสนุก นอกจากนี้ยังมีความสำคัญในแง่ของจุดเริ่มต้นการให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี ส่วนหนึ่งของการให้คำปรึกษาควรรวมการแนะนำเกี่ยวกับอาหารสำหรับลูกสัตว์ด้วย ก่อนที่จะเข้าสู่หัวข้อเกี่ยวกับกราฟการเจริญเติบโตเราจะมาทบทวนความสำคัญของโภชนาการและสาเหตุที่จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ในการให้คำปรึกษาการเลี้ยงสัตว์

เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับโภชนาการ

การเข้าสังคมและการสร้างนิสัย

การนัดตรวจร่างกายที่สถานพยาบาลอย่างต่อเนื่องเพื่อชั่งน้ำหนักไม่เพียงแต่ช่วยในการติดตามการเจริญเติบโตของลูกสุนัขเท่านั้นแต่เพื่อให้ลูกสุนัขได้เข้าสังคมอีกด้วย สัตว์เลี้ยงสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับสถานพยาบาลสัตว์ได้หากได้รับคำชมและรางวัลสำหรับการยอมขั้นชั่งน้ำหนักและการการให้สัตวแพทย์ตรวจร่างกายเพื่อดู body condition score(BCS)

การนัดตรวจร่างกายที่สถานพยาบาลสัตว์ต่อเนื่อง

ลูกสุนัขและแมวจะได้รับการนัดมายังสถานพยาบาลหลายครั้งในอายุขวบปีแรกเพื่อการทำวัคซีน ตรวจหาพยาธิหนอนหัวใจและปรสิตอื่นๆ รวมถึงการทำหมัน ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีในการสอบถามเจ้าของสุนัขเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของลูกสุนัขและตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับอาหารลูกสุนัข (รูป 1)

การตรวจลูกสุนัขที่รับมาใหม่ในครั้งแรกเป็นโอกาสดีสำหรับสัตวแพทย์ในการให้คำแนะนำด้านการให้อาหารและการควบคุมน้ำหนักกับเจ้าของสุนัข

รูป 1 การตรวจลูกสุนัขที่รับมาใหม่ในครั้งแรกเป็นโอกาสดีสำหรับสัตวแพทย์ในการให้คำแนะนำด้านการให้อาหารและการควบคุมน้ำหนักกับเจ้าของสุนัข
Credit: Shutterstock

การป้องกัน

องค์กรป้องกันโรคอ้วนในสัตว์เลี้ยง(The Association for Pet Obesity Prevention) รายงานว่าในปี 2018 มีสุนัขและแมวถึงร้อยละ 60 ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นโรคอ้วน 1 การวางแผนลดน้ำหนักนั้นมีอุปสรรคหลายประการและเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการการจูงใจอย่างมากก่อนที่เปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก นอกจากนี้การลดน้ำหนักสัตว์เลี้ยงที่มีไขมันส่วนเกินร้อยละ 15 หรือ 20 ของน้ำหนักตัวยังใช้เวลานานอีกด้วย สัตวแพทย์จำเป็อนต้องมีการเตรียมการและสร้างบรรยากาศที่ดีในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดน้ำหนักรวมถึงการกำหนดแผนการลดน้ำหนัก อีกทางหนึ่งในการจัดการกับโรคอ้วนที่พบมากขึ้นนั้นคือการป้องกันแต่เนิ่นๆ เวลาที่ดีที่สุดที่ควรเริ่มคือตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขที่มีสุขภาพดี หากสัตวแพทย์สามารถโน้มน้าวให้เจ้าของสุนัขเกิดความตื่นตัวกับภาวะโรคอ้วนและมอบวิธีในการป้องกันโรคอ้วนแก่สุนัข อาจช่วยลดจำนวนสัตว์ที่จะมีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนในอนาคตได้ เมื่อเจ้าของสัตว์มีข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหนักหุ่นดี body condition score และการให้ขนมที่ดีต่อสุขภาพ พวกเขาจะยอมเปิดใจรับฟังมากขึ้นหากสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเริ่มมีน้ำหนักที่มากเกินไป

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

เจ้าของสัตว์นั้นมีความต้องการที่จะพูดคุยเรื่องโภชนาการกับสัตวแพทย์ หากสัตวแพทย์แนะนำในเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกของอายุสัตว์จัดเป็นการป้องกันโรคที่ดีรวมถึงสื่อให้เจ้าของสัตว์ทราบว่าสถานพยาบาลสัตว์เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับโภชนาการ ดังนั้นหากเจ้าของสัตว์ได้รับคำแนะนำการให้อาหารจากผู้เพาะพันธุ์ เพื่อน พนักงานขายในร้านอาหารสัตว์ หรือผู้หวังดีอื่นๆ พวกเขามักจะนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาตรวจสอบกับทางสถานพยาบาลถึงความถูกต้องก่อนที่จะปฏิบัติตาม

ความสนใจและความพร้อมในการเรียนรู้ของเจ้าของสัตว์

สาเหตุที่การนัดตรวจร่างกายลูกสุนัขและลูกแมวเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนนอกจากความน่ารักและสุขภาพดีของลูกสัตว์แล้วนั้น ยังมีความตื่นเต้นของทั้งทางเจ้าของสัตว์และสัตวแพทย์ที่จะได้พบปะสมาชิกใหม่ในบ้าน เจ้าของสัตว์เหล่านี้จะมีความมุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดีและรับฟังคำแนะนำด้านโภชนาการได้มากขึ้น คำแนะนำเช่นการชั่งตวงอาหารก่อนให้รวมถึงการให้ขนมที่ดีต่อสุขภาพอาจเป็นการเพิ่มภาระแก่เจ้าของสัตว์ที่ป่วยอยู่แล้วจากการที่ต้องให้ยาและจัดการเรื่องอื่นอีกมากมายทำให้โภชนาการถูกผลักมาอยู่ในความสำคัญรั้งท้าย ในทางกลับกันเจ้าของสัตว์ที่พึ่งได้รับสัตว์เลี้ยงมาใหม่มีความกระตือรือร้นและการเปิดรับต่อคำแนะนำเหล่านี้มากกว่า และหากพวกเขาได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้แต่แรกเริ่มมันจะเป็นการง่ายมากในช่วงอายุต่อมาสำหรับสัตว์เลี้ยง การศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างเจ้าของสัตว์และสัตวแพทย์ในสถานพยาบาลสัตว์พบว่าเจ้าของสัตว์ต้องการมีส่วนร่วมไปพร้อมกับสัตวแพทย์ 2 ดังนั้นการใช้โภชนาการเป็นหัวข้อในการสนทนาจะช่วยสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างเจ้าของสัตว์และสัตวแพทย์ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานเหล่านี้แล้ว เราจะมาพิจารณาเครื่องมือใหม่ที่สัตวแพทย์ทุกคนควรเรียนรู้และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นคือกราฟการเจริญเติบโต

กราฟการเจริญเติบโตคืออะไร

เจ้าของสัตว์ที่มีลูกอาจคุ้นเคยกับกราฟการเจริญเติบโตดีเพราะเป็นเครื่องมือที่กุมารแพทย์ใช้ในการติดตามการเจริญเติบโตของทารกและเด็ก กราฟประกอบด้วยเส้นโค้งเปอร์เซนไทล์จากชุดตัวเลข(ส่วนสูง น้ำหนัก ดัชนีมวลกายหรือ body mass index; BMI) 3 ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1977 ในการประเมินว่าเด็กมีการเจริญเติบโตที่เหมาะสมหรือไม่ กราฟรูปแบบเดียวกันถูกพัฒนาขึ้นโดย Waltham Center ซึ่งเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์และการวิจัยของ Mars Petcare 4 กราฟเหล่านี้ถูกพัฒนาโดยใช้ข้อมูลจากสุนัขสุขภาพดีนับหมื่นตัวเพื่อใช้เป็นแนวทางการติดตามการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของลูกสุนัข

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาพิจาราณาเพิ่มเติมในขั้นตอนของการพัฒนากราฟสำหรับสุนัขซึ่งคือความหลากหลายของพันธุ์สุนัขทำให้กราฟเพียง 1 ชิ้นไม่สามารถใช้ได้กับสุนัขทุกตัว เป็นที่มาของกราฟสำหรับสุนัขทั้งหมด 10 ชิ้นแบ่งตามเพศ(ผู้-เมีย) และขนาดโตเต็มวัยโดยประมาณ(<6.5 kg / 6.5-9 kg / 9-15 kg / 15-30 kg และ 30-40 kg) 5

ข้อมูลที่จำเป็นต่อการพล็อตกราฟ

ในการใช้งานกราฟการเจริญเติบโตสำหรับลูกสุนัขจำเป็นต้องทราบข้อมูลดังนี้ :

  • เพศของลูกสุนัข มีกราฟแยกระหว่างเพศผู้และเมีย
  • น้ำหนักโตเต็มวัยโดยประมาณ อาจสังเกตจากน้ำหนักของพ่อและแม่ของลูกสุนัข(คาดคะเนว่าพ่อและแม่มีน้ำหนักหุ่นดี)หรืออ้างอิงจากมาตรฐานของสายพันธุ์
  • อายุเป็นสัปดาห์ของลูกสุนัข
  • น้ำหนักลูกสุนัขเป็นหน่วยกิโลกรัม

เมื่อทราบข้อมูลเหล่านี้แล้วจะสามารถพล็อตกราฟและพิมพ์ออกมาได้ สำหรับกราฟการเจริญเติบโตทั้ง 10 ชิ้นสามารถดาวน์โหลดรูปแบบ PDF ได้ที่ https://www.waltham.com/resources/puppy-growth-charts

Caitlin Grant

กราฟการเจริญเติบโตถูกพัฒนาโดยใช้ข้อมูลจากสุนัขสุขภาพดีนับหมื่นตัวเพื่อใช้เป็นแนวทางการติดตามการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของลูกสุนัข

Caitlin Grant

ควรชั่งน้ำหนักบ่อยเพียงใด

เพื่อให้การแปลผลข้อมูลป็นไปอย่างแม่นยำควรชั่งน้ำหนักลูกสุนัขในช่วงแรกบ่อย เพื่อที่จะกำหนดว่าลูกสุนัขเริ่มต้นที่เส้นโค้งเปอร์เซ็นไทล์ที่เท่าไรในช่วงอายุเดือนแรกซึ่งจะทำให้คาดเดาต่อไปได้ว่าลูกสุนัขควรมีน้ำหนักเท่าใดในแต่ละช่วงอายุ ควรชั่งน้ำหนักลูกสุนัขอย่างน้อยสองสัปดาห์ต่อครั้งแต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ควรชั่งน้ำหนักในช่วงเวลาเดียวกันทุกวันเพราะเวลาในการกินอาหาร การบีบตัวของทางเดินอาหาร และสภาพความชุ่มน้ำสามารถส่งผลต่อการแกว่งของน้ำหนักในระหว่างวันได้

เจ้าของบางคนอาจไม่สะดวกพาลูกสุนัขมาตรวจที่สถานพยาบาลทุกสัปดาห์อาจเป็นเพราะตารางงานหรืออาศัยอยู่ไกลจากสถานพยาบาล ทางเลือกที่สามารถปฏิบัติได้เองที่บ้านมีดังนี้

  • ตาชั่งห้องน้ำ: หากเจ้าของสามารถอุ้มลูกสุนัขได้อย่างปลอดภัย พวกเขาสามารถอุ้มลูกสุนัขพร้อมกับชั่งน้ำหนักจากนั้นจึงลบน้ำหนักตนเองออก
  • ตาชั่งกระเป๋า: ลูกสุนัขที่มีขนาดเล็กสามารถใส่ในกรงแล้วชั่งบนตาชั่งชนิดนี้ได้ จากนั้นจึงลบน้ำหนักกรงออกจากน้ำหนักที่ชั่งได้
  • ตาชั่งสัตว์เลี้ยง: ตาชั่งชนิดนี้สามารถหาซ้อได้ทางออนไลน์และมีราคาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของตาชั่ง

หากเจ้าของสามารถชั่งน้ำหนักลูกสุนัขเป็นประจำทุกสัปดาห์ได้ ลูกสุนัขควรถูกพามาพบสัตว์แพทย์ทุก 4 สัปดาห์ซึ่งมักตรงกับนัดทำวัคซีนเพื่อที่สัตวแพทย์จะได้มั่นใจว่าลูกสุนัขมีการเจริญเติบโตที่ดีควบคู่กับการประเมิน BCS

การนำกราฟการเจริญเติบโตมาใช้งาน

หลังจากที่ได้กราฟการเจริญเติบโตสำหรับลูกสุนัขแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือนำมาใช้อย่างถูกต้อง กราฟจะสามารถทำนายน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัขได้ค่อนข้างแม่นยำหลังจากที่กำหนดเส้นโค้งเปอร์เซ็นไทล์สำหรับลูกสุนัขได้แล้ว จากการศึกษาไม่นานมานี้เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างที่ผิดปกติของสุนัขและข้อมูลกราฟการเจริญเติบโตของสุนัขเหล่านั้น 6 พบว่าสุนัขที่มีสุขภาพดีนั้นมีโอกาสที่น้ำหนักจะคลาดเคลื่อนไปจากเส้นเปอร์เซ็นไทล์เริ่มต้นได้ยากมาก แต่ในสุนัขที่พบว่ามีภาวะอ้วนภายใน 3 ปีแรกจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า และโดยมากมักล้ำเส้นเปอร์เซ็นไทล์หนึ่งหรือสองเส้นในขณะเจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรใช้กราฟกากรเจริญเติบโตเพื่อตรวจสอบว่าสุนัขมีการเจริญเติบโตสอดคล้องกับเส้นเปอร์เซ็นไทล์เริ่มต้นหรือไม่และไม่ควรข้ามเส้น หากพบว่าสุนัขมีน้ำหนักขึ้นไปถึงเส้นที่อยู่เหนือเส้นเริ่มต้นหมายความว่ามีการเจริญเติบโตที่เร็วเกินไป ควรลดพลังงานที่ได้รับและหากสุนัขมีน้ำหนักต่ำกว่าเส้นเริ่มต้นหมายความว่ามีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้าเกินไปและควรเพิ่มพลังงานที่สุนัขได้รับ

สิ่งอื่นที่ควรทำขณะชั่งน้ำหนัก

การชั่งน้ำหนักไม่ควรจบลงแค่เพียงการนำสุนัขไปชั่งบนตาชั่งแล้วจดบันทึกน้ำหนักที่ได้เท่านั้น สัตวแพทย์ยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบหัวข้ออื่นที่มีความสำคัญไม่ด้อยกว่ากัน

  • ประวัติการกินอาหาร: ถามถึงชนิดและปริมาณอาหารที่ลูกสุนัขกิน เจ้าของอาจมีการเปลี่ยนยี่ห้อของอาหารหรือปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารเอง
  • BCS: ระบบของ BCS ยังไม่สามารถใช้กับลูกสุนัขได้อย่างเต็มที่แต่สามารถใช้ร่วมกับน้ำหนักและกราฟการเจริญเติบโตเพื่อดูว่าลูกสุนัขมีน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกสุนัขคุ้นเคยกับการตรวจร่างกายและเจ้าของสามารถปฏิบัติได้เองที่บ้าน
  • กิจกรรมของลูกสุนัข: สอบถามถึงกิจกรรมที่ลูกสุนัขทำ มีการไปฝึกพฤติกรรมหรือออกกำลังเพิ่มขึ้นหรือไม่ การทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นหมายความว่าต้องใช้พลังงานมากขึ้น

ข้อจำกัดของกราฟการเจริญเติบโต

  • สุนัขขนาดยักษ์(น้ำหนักโตเต็มวัยมากกว่า 40 กิโลกรัม): กราฟการเจริญเติบโตที่มีในปัจจุบันสิ้นสุดแค่ที่น้ำหนัก 40 กิโลกรัมเพราะนักวิจัยพบว่าสุนัขายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากมีอัตราการเจริญเติบโตเฉพาะแต่ละสายพันธุ์ทำให้ไม่สามารถสร้างกราฟมาตรฐานได้ 5 สำหรับลูกสุนัขที่มีขนาดดังกล่าวสัตวแพทย์สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้านบนหรือสร้างกราฟเฉพาะตัวสำหรับสุนัขตัวนั้นเพื่อติดตามน้ำหนักและอายุ ทำให้ทราบถึงรูปแบบการเจริญเติบโตและปรับปริมาณอาหารได้หากพบว่าสุนัขมีน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป
  • สุนัขพันธุ์ผสม: กราฟการเจริญเติบโตสามารถใช้กับสุนัขพันธุ์ผสมได้แต่อาจมีความท้าทายในการประมาณน้ำหนักสุนัขโตเต็มวัยหากไม่ทราบว่าลูกสุนัขเกิดจากพันธุ์อะไรบ้าง ผู้เขียนบทความแนะนำให้คาดเดาสายพันธุ์ให้ใกล้เคียง และใช้น้ำหนักที่ชั่งได้2-3ครั้งแรกเพื่อตัดสินใจว่าลูกสุนัขควรอยู่บนเส้นโค้งใดบนกราฟ อีกทางเลือกหนึ่งคือการแนะนำให้เจ้าของสุนัขทำการตรวจดีเอ็นเอหากเจ้าของสนใจที่จะทราบว่าลูกสุนัขเกิดจากพ่อและแม่พันธุ์อะไร
  • แมว:ปัจจุบันยังไม่มีกราฟการเจริญเติบโตสำหรับแมว แต่สัตวแพทย์สามารถใช้ข้อมูลจากแมวแต่ละตัวเพื่อสร้างเป็นกราฟสำหรับแมวตัวนั้นได้โดยเฉพาะเช่นเดียวกับสุนัขพันธุ์ขนาดยักษ์

กรณีตัวอย่าง Remus

Remus เป็นลูกสุนัขพันธุ์ผสมระหว่าง Shepherd และ Collie เพศผู้(รูป 2) ถูกรับมาเลี้ยงจากศูนย์พักพิงสัตว์ โดยเจ้าของ Remus ได้เริ่มให้อาหารลูกสุนัขยี่ห้อทั่วไปที่มีจำหน่วยในท้องตลาดซึ่งระบุว่าสำหรับสุนัขพันธุ์ German Shepherd สุนัขได้รับการชั่งน้ำหนักครั้งแรกเมื่ออายุได้ 10 สัปดาห์ที่สถานพยาบาลสัตว์ นอกจากนี้เจ้าของยังมีข้อมูลน้ำหนักที่อายุ 8 สัปดาห์ซึ่งได้มาจากสถานพักพิง จากการที่ Remus เป็นพันธุ์ผสมทำให้มีความท้าทายในการระบุน้ำหนักโตเต็มวัย ซึ่งสัตวแพทย์ได้เลือกกราฟขนาด 30-40 กิโลกรัมที่คาดว่าเหมาะสมที่สุด

Remus ที่อายุ 12 สัปดาห์

รูป 2 Remus ที่อายุ 12 สัปดาห์
Credit: Bridget Grant

น้ำหนักสุนัขที่อายุ 10 สัปดาห์อยู่ที่ 6 กิโลกรัมซึ่งถูกนำไปพล็อตบนกราฟเส้นโค้งการเจริญเติบโต เจ้าของตัดสินใจเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารเม็ดสูตรสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่ของโรยัลคานิน อาหารนี้ให้พลังงาน 366.7 kcal ต่อ 100 กรัม หรือ 352 kcal ต่อถ้วย ความต้องการพลังงานของ Remus ถูกประมาณไว้ที่ 805 kcal ต่อวัน(คำนวณจาก RER คูณด้วย 3 ซึ่งเป็นปัจจัย DER เนื่องจากสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน* 7 (สูตร 2×RER จะใช้กับลูกสุนัขอายุมากกว่า 4 เดือน สุนัขโตที่ทำหมันแล้วจะมีความต้องการพลังงานอยู่ที่ช่วง 1.4-4.6 × RER ซึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่านี้ขึ้นกับกิจกรรมที่ทำ) สัตวแพทย์แนะนำให้ Remus กินอาหารวันละ 2 ¼ ถ้วย (792 kcal)

*RER = resting energy requirement DER = daily energy requirement

 น้ำหนักที่ชั่งได้ครั้งแรกของ Remus ถูกนำมาพล็อตบนกราฟแทนด้วยจุดสีแดง(10 สัปดาห์) จุดสีน้ำเงิน (14 สัปดาห์)และจุดสีเหลือง(18 สัปดาห์) ทำให้ทราบว่าสุนัขตัวนี้จะอยู่บนเส้นเปอร์เซนไทล์ที่ 50

รูป 3 น้ำหนักที่ชั่งได้ครั้งแรกของ Remus ถูกนำมาพล็อตบนกราฟแทนด้วยจุดสีแดง(10 สัปดาห์) จุดสีน้ำเงิน (14 สัปดาห์)และจุดสีเหลือง(18 สัปดาห์) ทำให้ทราบว่าสุนัขตัวนี้จะอยู่บนเส้นเปอร์เซนไทล์ที่ 50
Credit: WCPN

น้ำหนักของสุนัขในการชั่งครั้งถัดมาที่ 14 และ 18 สัปดาห์ได้เท่ากับ 12 และ 16 กิโลกรัมตามลำดับ(รูป 3) ซึ่งสอดคล้องกับเส้นกราฟที่เปอร์เซ็นไทล์ 50 สุนัขได้รับปริมาณอาหารเพิ่มเป็น 3 ¼ ถ้วย(1144 kcal) ต่อวันที่อายุ 18 สัปดาห์ สัตวแพทย์พบ Remus อีกครั้งที่อายุ 6 เดือนเพื่อการทดสอบหาพยาธิหนอนหัวใจและชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวณปริมาณยากินเพื่อป้องกันปรสิต น้ำหนักของสุนัขที่อายุ 6 เดือนเท่ากับ 25 กิโลกรัม ซึ่งหากอ้างอิงตามกราฟการเจริญเติบโตจะพบว่าสูงกว่าเส้นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 เล็กน้อ(รูป 4) ถึงจุดนี้สุนัขได้รับอาหารวันละ 4 ½ ถ้วย (1584 kcal) สัตวแพทย์จึงแนะนำให้ลดปริมาณอาหารลงร้อยละ 10(เหลือ 398 กรัมต่อวัน คิดเป็นพลังงาน 1426 kcal) นอกจากนี้ยังได้สอนให้เจ้าของใช้ตาชั่งเพื่อชั่งน้ำหนักอาหารให้มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น 8 เจ้าของเองยังมีความกังวลว่าสุนัขจะแสดงพฤติกรรมขออาหารหากมีการลดปริมาณอาหารโดยรวม เธอจึงเริ่มใช้ของเล่นปริศนาสำหรับอาหาร(รูป 5)

Remus ที่อายุ 26 สัปดาห์มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม เมื่อนำมาพล็อตบนกราฟจะได้จุดสีเขียวพบว่าอยู่เหนือเส้นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 เล็กน้อย

รูป 4 Remus ที่อายุ 26 สัปดาห์มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม เมื่อนำมาพล็อตบนกราฟจะได้จุดสีเขียวพบว่าอยู่เหนือเส้นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 เล็กน้อย
Credit: WCPN

ของเล่นปริศนาสำหรับอาหารทำให้ Remus กินอาหารที่ถูกลดปริมาณได้ช้าลง

รูป 5 ของเล่นปริศนาสำหรับอาหารทำให้ Remus กินอาหารที่ถูกลดปริมาณได้ช้าลง
Credit: Bridget Grant 

Remus ได้เข้ามาตรวจเพิ่มเติมในช่วงอายุที่ 28 และ 30 สัปดาห์ซึ่งพบว่ามีน้ำหนักที่ 26 กิโลกรัมในช่วงอายุ 28 สัปดาห์เมื่อนำมาพล็อตบนกราฟจะพบว่ากลับมาอยู่ใกล้เส้นโค้งเดิมมากขึ้น(รูป6) จึงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนปริมาณอาหาร ที่อายุ 30 สัปดาห์พบว่ามีน้ำหนักกลับมาอยู่บนเส้นกราฟเปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 โดยชั่งได้เท่ากับ 27 กิโลกรัม เจ้าของ Remus ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อที่เธอจะได้เฝ้าติดตามน้ำหนักของสุนัขเองที่บ้านและทำการปรับปริมาณอาหารให้เหมาะสม (รูป7) น้ำหนักของ Remus ที่ชั่งได้เมื่ออายุครบ 1 ปีอยู่ที่ 32 กิโลกรัมซึ่งตรงตามน้ำหนักที่ควรจะเป็นบนเส้นกราฟพอดี

ของเล่นปริศนาสำหรับอาหารทำให้ Remus กินอาหารที่ถูกลดปริมาณได้ช้าลง

รูป 6 น้ำหนักของ Remus ที่อายุ 28 สัปดาห์เริ่มกลับมาอยู่ใกล้เส้นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 แทนที่ด้วยจุดสีม่วง (26 กิโลกรัม) และอยู่ที่จุดสีชมพู (27 กิโลกรัม) ในอีกสองสัปดาห์ถัดมา สุนัขมีน้ำหนักอยู่ที่จุดสีดำ (32 กิโลกรัม) เมื่อมีอายุครบ 1 ปีซึ่งเป็นน้ำหนักหุ่นดีตามที่ทำนายไว้บนกราฟการเจริญเติบโต
Credit: WCPN

Remus ได้รับการชั่งน้ำหนักที่บ้าน

รูป 7 Remus ได้รับการชั่งน้ำหนักที่บ้าน 
Credit: Caitlin Grant

สรุป

เป้าหมายของสัตวแพทย์คือเตรียมการเจ้าของสัตว์ให้มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในการเลี้ยง เวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นคือตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขหรือลูกแมว การให้คำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการ การเลือกอาหารให้เหมาะสม และการกำหนดปริมาณอาหารที่สัตว์ได้รับเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของทีมงานสัตวแพทย์ รวมไปถึงการเฝ้าติดตามน้ำหนักและ BCS การแนะนำขนมขบเคี้ยวที่ให้พลังงานต่ำและเครื่องชั่งน้ำหนักอาหาร การให้เจ้าของได้ทำความรู้จักสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มเป็นการให้ความรู้เจ้าของที่จะนำไปสู่สัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว

พิเศษสำหรับสัตวแพทย์ไทย

เข้าทำเเบบทดสอบเพื่อสะสม VET-CE ภายในวันที่ ๅ พ.ย.-31 ธ.ค. 2022


ทำแบบทดสอบ VET-CE

แหล่งอ้างอิง

  1. Association for Pet Obesity Prevention. https://petobesityprevention.org/ Accessed October 8, 2021.

  2. Janke N, Coe JB, Bernardo TM, et al. Pet owners’ and veterinarians’ perceptions of information exchange and clinical decision-making in companion animal practice. PLOS One 2021;16(2)

  3. Centers for Disease Control and Prevention. Growth charts – 2000 CDC Growth Charts – United States 2016. https://www.cdc.gov/growthcharts/cdc_charts.htm Accessed October 8, 2021

  4. Puppy growth charts | Waltham Petcare Science Institutehttps://www.waltham.com/resources/puppy-growth-charts Accessed October 8, 2021.

  5. Salt C, Morris PJ, German AJ, et al. Growth standard charts for monitoring bodyweight in dogs of different sizes. PLOS One 2017;12(9).

  6. Salt C, Morris PJ, Butterwick RF, et al. Comparison of growth patterns in healthy dogs and dogs in abnormal body condition using growth standards. PLOS One 2020;(15)9.

  7. Thatcher CD, Hand MS, Remillard RL. Small Animal Clinical Nutrition: An Iterative Process. In: Hand M, Thatcher C, Remillard R, et al (eds). Small Animal Clinical Nutrition. 5th ed. Topeka, Kansas: Mark Morris Institute; 2010:3-21.

  8. Coe JB, Rankovic A, Edwards TR, et al. Dog owner’s accuracy measuring different volumes of dry dog food using three different measuring devices. Vet. Rec. 2019;185(19):599.

Caitlin Grant

Caitlin Grant

Dr.Grant สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรติยมจาก Ontario Veterinay College(OVC) ในปี2014 และเริ่มงานในฐานะสัตวแพทย์ในคลินิกสัตวแพทย์เอกชน อ่านเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ ในประเด็นนี้

หมายเลขหัวข้อ 32.1 เผยแพร่แล้ว 24/10/2023

ระเบียบปฏิบัติในการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ ตอนที่ 1

บทความนี้เป็นบทความตอนที่ 1 จากทั้งหมด 2 ตอน โดยผู้เขียนได้พิจารณาถึงระเบียบปฏิบัติในการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ และสาเหตุว่าทำไมระเบียบปฏิบัติเหล่านี้จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยในการดำเนินกิจการคลินิกรักษาสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย Philippe Baralon , Antje Blättner และ Pere Mercader

หมายเลขหัวข้อ 32.1 เผยแพร่แล้ว 24/10/2023

ระเบียบปฏิบัติในการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ ตอนที่ 2

ในบทความตอนที่ 2 นี้ ผู้เขียนจะกล่าวถึงวิธีการกระตุ้นทีมงานและการประสบความสำเร็จในการออกแบบและใช้ระเบียบปฏิบัติในการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์

โดย Philippe Baralon , Antje Blättner และ Pere Mercader

หมายเลขหัวข้อ 32.1 เผยแพร่แล้ว 28/05/2023

การใช้ยาต้านจุลชีพในลูกสุนัขและแมว

เราควรเลือกใช้ยาต้านจุลชีพที่เป็นปัญหาในลูกสุนัขและแมวอย่างไร บทความนี้ J. Scott Weese ได้เสนอคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสถานพยาบาลสัตว์เล็ก

โดย J. Scott Weese

หมายเลขหัวข้อ 32.1 เผยแพร่แล้ว 25/05/2023

ความสำคัญของ DHA ในลูกสุนัข

บทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดย Russ Kelley ผ่านการรวบรวมงานวิจัยต่างๆที่มีสมมติฐานว่า กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (DHA) นั้นมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกายอย่างไรบ้าง และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของโภชนาการสำหรับลูกสุนัข

โดย Russ Kelley