วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์
วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์

หมายเลขหัวข้อ 28.3 โภชนาการ

โรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและอาหาร   ในสุนัข

เผยแพร่แล้ว 31/03/2021

เขียนโดย Giacomo Biagi

สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Español และ English

เมื่อสัตวแพทย์พบสุนัขที่แสดงอาการป่วยอย่างรุนแรง อาจมองข้ามสิ่งสำคัญไปว่าโรคบางอย่างมีสาเหตุโน้มนำมาจากพันธุกรรม บทความนี้จะกล่าวถึงภาพรวมของโรคที่พบได้บ่อยในบางสายพันธุ์และความสำคัญของการปรับอาหารที่ส่งผลต่อการรักษาโดย Dr. Giacomo Biagi (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)

ประเด็นสำคัญ

สุนัขบางพันธุ์มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนิ่วได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นโดยเฉพาะนิ่ว urate cystine และ xanthine


เมื่อทำการวินิจฉัยโรคผิวหนังอักเสบในสุนัขพันธุ์ทางซีกโลกเหนือควรคำนึงถึงสาเหตุจากการขาด zinc ร่วมด้วย โดยเฉพาะหากพบรอยโรคที่รอบดวงตา


โรค copper-storage disease ไม่ได้จำกัดเฉพาะสุนัขพันธุ์ Bedlington Terrier เท่านั้นแต่ยังพบในสายพันธุ์อื่นได้อีกด้วย


สุนัขบางสายพันธุ์โดยเฉพาะพันธุ์ทางซีกโลกเหนืออาจแสดงความผิดปกติเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเพราะไม่สามารถย่อยแป้งได้ อันเป็นผลจากปัญหาทางพันธุกรรมที่ขาดเอนไซม์ amylase จากตับอ่อน


บทนำ

โรคในสุนัขหลายโรคเป็นผลมาจากการขาดสารอาหารหรือความไม่สมดุลของโภชนาการที่ได้รับ ถึงแม้จะมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความต้องการทางโภชนาการของสุนัขในปัจจุบัน 1 แต่ก็ยังพบภาวะทุพลภาพที่เกิดจากการขาดสารอาหารอีกด้วย อีกทั้งยังทราบว่าสารอาหารบางอย่างสามารถก่อให้เกิดความเป็นพิษในสุนัขได้ หากได้รับมากเกินไปยกตัวอย่างเช่น hypervitaminosis A D และ trace mineral อื่นๆ เช่น selenium cobalt และ iodine

การได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมสามารถก่อให้เกิดโรคได้เช่นเดียวกัน ลองพิจารณาว่าอาหารสามารถทำให้เกิดโรคระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้อย่างไร ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารรวมไปถึงตับและตับอ่อน การแพ้อาหารรวมอยู่ในหมวดนี้ด้วย โดยมีการแสดงออกของโรคที่ผิวหนังและระบบทางเดินอาหาร การได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็นจนก่อให้เกิดโรคอ้วนที่นำไปสู่โรคอื่นๆ สามารถจัดว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากอาหารได้เช่นเดียวกัน การแพทย์ในคนถือว่าอาหารที่รับประทานมีส่วนในการเกิดมะเร็งบางชนิดแต่ยังไม่ได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวางในสัตว์

ถึงแม้จะมีโรคที่เกิดจากอาหารมากมาย แต่ในบทความนี้จะครอบคลุมเพียงโรคที่พบได้บ่อย โรคที่เป็นปัญหาเดี่ยว หรือโรคที่เกิดในสุนัขสายพันธุ์ที่มีความโน้มนำต่อการเกิดโรคได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

Urolithiasis

นิยามของคำว่า urolithiasis คือนิ่วที่เกิดในระบบทางเดินปัสสาวะและสามารถเกิดได้ในสุนัขทุกสายพันธุ์ แต่มีหลักฐานว่าสุนัขบางพันธุ์มีโอกาสเกิดนิ่วบางชนิดได้มากกว่าพันธุ์อื่น

Ammonium urate calculi

Figure 1. Purines in the body are metabolized to xanthine and then uric acid before being converted by the enzyme uricase to allantoin, which is then excreted in the urine. Dalmatians are homozygous for a genetic mutation that results in a defect of the hepatic and renal uric acid transporter, resulting in a lower conversion rate of uric acid to allantoin; this is compounded by reduced reabsorption of uric acid by the proximal renal tubules, leading to high levels of uric acid in the bladder and increased risk of urate calculi formation.

รูป 1 พิวรีนในร่างกายถูกเมตาโบไลซ์เป็น xanthine จากนั้นจึงกลายเป็นกรดยูริคแล้วจึงถูกเปลี่ยนเป็น allantoin โดยเอนไซม์ uricase สุดท้ายขับออกทางปัสสาวะ สุนัขพันธุ์ dalmatian จะมีการจับคู่เหมือนของยีนที่ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์และแสดงความผิดปกติต่อการขนส่งกรดยูริคของตับและไต ผลที่ได้คืออัตราการเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin ลดลง และยังรุนแรงขึ้นด้วยการที่ proximal renal tubule ดูดกลับกรดยูริคได้ไม่ดี นำไปสู่ปริมาณกรดยูริคในกระเพาะปัสสาวะที่สูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วชนิดยูเรต

Ammonium urate calculi มีโอกาสเกิดมากในสุนัขพันธุ์ dalmatian ซึ่งเป็นตัวอย่างที่สำคัญของสายพันธุ์สุนัขที่มีโอกาสโน้มนำการเกิดโรคได้มากกว่าพันธุ์อื่น สุนัขโดยทั่วไปจะสร้างกรดยูริคโดยกระบวนการ purine catabolism และเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin โดยเอนไซม์ uricase จากนั้นขับออกทางปัสสาวะ (รูป 1) ในสุนัขพันธ์ dalmatian มีเอนไซม์ uricase แต่ตับไม่สามารถเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุมาจากความผิดปกติของ autosomal recessive gene ส่งผลให้สุนัขสายพันธุ์นี้ขับกรดยูริคออกมากับปัสสาวะปริมาณสูงกว่าสายพันธุ์อื่น และสถานการณ์จะแย่ลงจากการที่สุนัขพันธุ์ dalmatian มีการดูดกลับกรดยูริคที่ท่อไตได้ไม่ดีนัก จากปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดส่งผลให้โอกาสการเกิดนิ่วชนิดยูเรต โดยเฉพาะ ammonium urate ในสุนัขสายพันธุ์นี้สูง และโอกาสการเกิดในเพศผู้จะสูงกว่าเพศเมีย (รูป 2) 2

นิ่วชนิด ammonium urate ไม่ได้จำกัดเฉพาะในสุนัขพันธุ์ dalmatian เท่านั้น ยังมีสุนัขพันธุ์อื่นๆที่มีโอกาสเกิดนิ่วชนิดนี้ได้ง่ายกว่าสุนัขทั่วไป ได้แก่ english bulldog miniature schnauzer shih-Tzu และ yorkshire terrier

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆนอกจากพันธุกรรมที่ทำให้สุนัขเกิดนิ่วชนิดนี้ ได้แก่ portosystemic shunt หรือความผิดปกติใดๆที่สร้างความเสียหายแก่ตับ ส่งผลให้การเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin ลดลง

สุนัขที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วชนิด ammonium urate ควรได้รับอาหารที่มีพิวรีนต่ำ พิวรีนจะพบมากในอาหารที่ประกอบไปด้วยเนื้อและเครื่องในปริมาณสูง ชีสและไข่จึงเป็นตัวเลือกที่สำหรับแหล่งโปรตีนที่มีพิวรีนต่ำ หรืออาจใช้อาหารสำเร็จรูป1 ที่มีปริมาณพิวรีนต่ำหาได้ในท้องตลาด ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งเสริมให้ปัสสาวะมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น หากจำเป็นอาจต้องมีการเติมความเป็นด่างลงในอาหารโดยใส่ potassium citrate 80-150 mg/kg q24h 3 การให้สุนัขกินน้ำมากๆเป็นหลักการเดียวกันกับการจัดการนิ่วชนิดอื่นโดยน้ำจะช่วยเจือจางปัสสาวะและลดการตกตะกอนนิ่ว 4 ท้ายที่สุดอาจลดการเกิดกรดยูริคโดยการให้ยา allopurinol 15 mg/kg q12h โดยการกิน ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ xanthine oxidase ทำให้ xanthine และ hypoxanthine ไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดยูริค แต่พึงระลึกว่าสุนัขที่ได้รับยา allopurinol ยังสามารถเกิดนิ่วชนิด xanthine ได้ หากยังคงได้รับอาหารที่มีปริมาณพิวรีนสูง

1 Royal Canin Urinary U/C low purine

Cystine calculi

Cystine ประกอบไปด้วยสองโมเลกุลของกรดอะมิโน cysteine ที่มีกำมะถัน เมื่อมีปริมาณ cystine สูงในปัสสาวะจะเกิดการตกผลึกได้ง่ายเพราะมีการละลายน้ำได้น้อย นิ่ว cystine ในสุนัขอยู่ในกลุ่มที่หายากมีโอกาสพบได้เพียงร้อยละ 1-3 ของสุนัขที่เป็นโรคนิ่ว (รูป3) 5 อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ามีโอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งผลให้สุนัขบางสายพันธุ์มีโอกาสเกิดนิ่ว cystine ได้สูงกว่าสายพันธุ์อื่นได้แก่ daschunds basset hound irish terrier และ english bulldog โดยในเพศผู้จะมีโอกาสพบได้มากกว่าเพศเมีย

Figure 2. The typical appearance of urate stones, which are predominantly ammonium urate. © Canadian VeterinaryUrolith Centre.

รูป 2 ลักษณะที่มองเห็นด้วยตาเปล่าของนิ่วยูเรต โดยมากจะเป็น ammonium urate © Canadian Veterinary Urolith Centre

Figure 3. Cystine uroliths are estimated to be found in only 1-3% of all cases of canine uroliths. © Canadian VeterinaryUrolith Centre.

รูป 3 นิ่ว cystine มีโอกาสพบได้เพียงร้อยละ 1-3 ในสุนัขที่เป็นโรคนิ่ว © Canadian Veterinary Urolith Centre

Ammonium urate calculi มีโอกาสเกิดมากในสุนัขพันธุ์ dalmatian ซึ่งเป็นตัวอย่างที่สำคัญของสายพันธุ์สุนัขที่มีโอกาสโน้มนำการเกิดโรคได้มากกว่าพันธุ์อื่น สุนัขโดยทั่วไปจะสร้างกรดยูริคโดยกระบวนการ purine catabolism และเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin โดยเอนไซม์ uricase จากนั้นขับออกทางปัสสาวะ (รูป 1) ในสุนัขพันธ์ dalmatian มีเอนไซม์ uricase แต่ตับไม่สามารถเปลี่ยนกรดยูริคไปเป็น allantoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุมาจากความผิดปกติของ autosomal recessive gene ส่งผลให้สุนัขสายพันธุ์นี้ขับกรดยูริคออกมากับปัสสาวะปริมาณสูงกว่าสายพันธุ์อื่น และสถานการณ์จะแย่ลงจากการที่สุนัขพันธุ์ dalmatian มีการดูดกลับกรดยูริคที่ท่อไตได้ไม่ดีนัก จากปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดส่งผลให้โอกาสการเกิดนิ่วชนิดยูเรต โดยเฉพาะ ammonium urate ในสุนัขสายพันธุ์นี้สูง และโอกาสการเกิดในเพศผู้จะสูงกว่าเพศเมีย (รูป 2) 2

Giacomo Biagi

โรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์ของสุนัขหลายโรคมีความเชื่อมโยงกับอาหารไม่มากก้อน้อย สัตวแพทย์ต้องระวังถึงความเป็นไปได้ที่อาการเจ็บป่วยของสุนัขจะเป็นผลมาจากอาหารที่กิน

Giacomo Biagi

Xanthine calculi

Xanthine เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งจากกระบวนสลายพิวรีนและเป็นสารตั้งต้นของกรดยูริค มีโอกาสตกตะกอนและเกิดเป็นนิ่วได้ง่ายหากมีความเข้มข้นสูงจากการที่ xanthine ละลายน้ำได้น้อย จากที่กล่าวมาด้านบนว่าผลึกและนิ่ว xanthine มักเป็นผลจากยา allopurinol ซึ่งใช้รักษานิ่วชนิด ammonium urate และยังใช้รักษาโรค Leishmaniasis อีกด้วย นอกจากนี้มีการพบว่าภาวะ xanthinuria มีโอกาสที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ดังที่พบได้ในคนและสุนัขพันธุ์ cavalier king charles spaniel (CKCS) 6 แต่พบได้ยากมาก โดยจากการศึกษาในสุนัขพันธุ์ CKCS จำนวน 35 ตัว ไม่พบว่ามีภาวะ xanthiuria เลย 7 หากพบว่าสุนัขมีนิ่ว xanthine ควรได้รับอาหารที่มีพิวรีนปริมาณต่ำ2 เช่นเดียวกับกรณีที่กล่าวไว้ข้างต้น

2 Royal Canin Urinary U/C low purine

Zinc-responsive skin disorders

Figure 4. Xanthine uroliths are rarely seen in dogs, although a hereditary form of xanthinuria has been reported in the Cavalier King Charles Spaniel breed. © Canadian VeterinaryUrolith Centre.

รูป 4 นิ่ว xanthine พบได้ยากในสุนัขแต่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ในสุนัขพันธุ์ cavalier king charles spaniel © Canadian Veterinary Urolith Centre

สุนัขต้องการสารอาหารหลายชนิดเพื่อบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีโดย zinc เป็นหนึ่งในสารอาหารบำรุงผิวที่สำคัญ สุนัขที่ได้รับอาหารที่มีปริมาณ zinc ไม่เพียงพอจะแสดงอาการที่ผิวหนัง แต่ในสุนัขจะมีโรคผิวหนัง 2 ชนิดที่จำเพาะต่อการขาด zinc ชนิดแรกจะพบในลูกสุนัขโดยเฉพาะพันธุ์ใหญ่ ที่ได้รับอาหารที่มีปริมาณ zinc ไม่เพียงพอหรือมีสารชนิดอื่นที่มีความสามารถในการจับกับ zinc แล้วลดการดูดซึม เช่น phytates ที่พบได้ในวัตถุดิบจากพืชที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการทำให้สุก ชนิดที่สองมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและพบได้บ่อยในสุนัขสายพันธุ์ทางซีกโลกเหนือเช่น siberian Husky และ alaskan malamute แต่พบได้ใน doberman และ bull terrier เช่นกัน รายงานเกี่ยวกับอาการทางคลินิกของโรคผิวหนังที่เกิดจากการขาด zinc พบว่าจะมี crust และ erythema บริเวณรอบดวงตาจากการที่ดูดซึมจากลำไส้ได้ไม่ดี 8 โรคผิวหนังชนิดนี้ควรได้รับการรักษาโดยการให้กินเกลือของ zinc เช่น zinc methionine, zinc sulfate หรือ zinc gluconate ขนาดของ zinc ที่แนะนำคือ 2-3 mg/kg q24h แต่สัตวแพทย์ควรระมัดระวังเวลาจ่ายยาเพราะอาจะสับสนจากฉลากได้ ยกตัวอย่างเช่น zinc sulfate 220 mg จะมี zinc อยู่จริง 50 mg ในขณะที่ zinc gluconate 50 mg จะมี zinc อยู่จริง 50 mg 8

Copper-storage hepatopathy

ความผิดปกตินี้สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม พบมากในสุนัขพันธุ์ bedlington terrier และมีความคล้ายคลึงกับโรค Wilson’s disease ในคน สุนัขพันธุ์ bedlington terrier จะส่งผ่านความผิดปกตินี้ผ่านยีนด้อย ส่งผลให้การขับทองแดงออกมากับน้ำดีลดลง ปริมาณทองแดงที่เพิ่มขึ้นจึงสะสมในตับ 9 ก่อให้เกิดความเป็นพิษและนำไปสู่โรคตับที่ค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น กระบวนการคัดเลือกสายพันธุ์ในปัจจุบันได้ลดความผิดปกติของสายพันธุ์นี้ลงไปมาก นอกจาก bedlington Terrier แล้วยังพบการถ่ายทอดความผิดปกตินี้ทางพันธุกรรมในสุนัขสายพันธุ์อื่นด้วยเช่น skye terrier west highland white terrier doberman dalmatian และ labrador retriever หาก

ตรวจพบภาวะ chronic copper hepatopathy จากการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อตับมาตรวจ ทองแดงที่พบอาจเกิดการสะสมที่เป็นผลมาจากโรคตับเพราะปัญหาที่ตับจะลดการขับทองแดงผ่านท่อน้ำดีลง 10

Figure 5. Zinc-responsive dermatitis is most commonly seen in Northern breeds of dog, with clinical signs that can include crusting and erythema of the periorbital area (a) and muzzle (b). © Dr. Pascal Prélaud

รูป 5 zinc- responsive dermatitis เป็นโรคที่พบได้มากในสุนัขสายพันธุ์ซีกโลกเหนือ อาการทางคลินิกที่พบคือ crust และ erythema บริเวณรอบดวงตา (a) และ muzzle (b) © Dr. Pascal Prélaud

หากพบว่ามีปัญหาโรคตับร่วมกับการสะสมของทองแดงที่ตับซึ่งได้รับการยืนยันโดยการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อตับไปตรวจ สุนัขจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีปริมาณทองแดงต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่สุนัขโตเต็มวัยควรได้รับ นอกจากนี้ยังควรมีปริมาณ zinc ที่สูงอย่างน้อย 200 mg / มวลอาหารแห้ง 1 kg 11 โดย zinc จะไปกระตุ้นการทำงานของโปรตีน metallothionein ที่ทำหน้าที่จับกับทองแดงบริเวณ epithelial cell ของลำไส้เล็กและยับยั้งการดูดซึม หากสุนัขมีปริมาณทองแดงสูงมาก ต้องมีการให้ copper chelator เช่น D-penicillamine ขนาด 10-15 mg/kg q12h โดยการกิน เพื่อช่วยลดการดูดซึมที่ลำไส้ สัตวแพทย์จำเป็นต้องเลือกอาหารให้เหมาะสมกับการจัดการโรคตับเรื้อรัง ปริมาณโปรตีนและไขมันในอาหารต้องเหมาะสมกับสภาวะของโรค นอกจากนี้การให้โภชนเภสัช (nutraceutical) ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มการฟื้นฟูเนื้อเยื่อตับอาจช่วยได้ เช่นสารสกัด milk thistle หรือ silymarin ไม่ได้มีขนาดที่ใช้รักษาชัดเจน แต่นิยมให้ที่ 4-8 mg/kg q24h, S-adenosyl-methionine หรือ SAME ขนาด 20 mg/kg q24h และ ursodeoxycholic acid ขนาด 15 mg/kg q24h 12

Figure 6. Some Northern breed dogs, including the Shiba Inu, have a lower capacity to digest starch due to an inherited inability to produce amylase. © Shutterstock

รูป 6 สุนัขสายพันธุ์ซีกโลกเหนือบางพันธุ์เช่น shiba inu มีความสามารถต่ำในการย่อยแป้งซึ่งเป็นผลจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถผลิต amylase © Shutterstock

Figure 7. The same defect in starch digestion appears to exist in several other breeds, such as the Czechoslovakian Wolfdog. © Shutterstock.

รูป 7 ความผิดปกติในการย่อยแป้งยังพบได้ในสายพันธุ์อื่นเช่น czechoslovakian wolfdog © Shutterstock

Hereditary gluten intolerances

นิยามของกลูเตนคือโปรตีน gliadins และ glutenins จากข้าวสาลี gliadins จากข้าวสาลียังมีความคล้ายคลึงกับ prolamins ที่พบในธัญพืชอื่นๆ เช่นบาร์เลย์ ไรย์ และโอ๊ต ประชากรโลกร้อยละ 1 มีโรคเกี่ยวกับลำไส้ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมเรียกว่าเซลิแอค (celiac disease) ซึ่งจะแสดงอาการเมื่อได้รับกลูเตน 13 มีรายงานพบความผิดปกติเกี่ยวกับลำไส้ที่มีสาเหตุจากกลูเตนในสุนัขพันธุ์ irish setter 14 ซึ่งปัจจุบันได้ลดลงไปเกือบหมดแล้วในหลายประเทศจากการคัดเลือกสายพันธุ์

Giacomo Biagi

โรคผิวหนังอักเสบที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วย zinc สามารถส่งผ่านทางกรรมพันธุ์ได้ พบได้มากในสุนัขสายพันธุ์ซีกโลกเหนือเช่น alaskan malamute และ siberian husky แต่ก็สามารถพบได้ในสายพันธุ์อื่นเช่นกัน

Giacomo Biagi

ความผิดปกติของลำไส้จากกลูเตนจะพบลักษณะการเสื่อมสลายของ villi ที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปเมื่อตรวจทางจุลพยาธิวิทยา ร่วมกับการแทรกซึมของเซลล์อักเสบเข้าไปที่ชั้น lamina propria และ epithelium การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของลำไส้นี้ส่งผลหลายประการ รวมไปถึงลดการทำงานของเอนไซม์ที่บริเวณ ciliated border ด้วย สุนัข irish setter ที่ป่วยด้วยโรคนี้เมื่อให้กินกลูเตนจะแสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมที่ผิดปกติ ได้แก่ท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักลด และซูบผอม กลูเตนจากข้าวสาลีมีการยืนยันว่าเป็นตัวการที่ทำให้สุนัขแสดงอาการผิดปกติ ยังไม่มีข้อมูลว่าจะมี

อันตรายจากบาร์เล ไรย์ และอาจจะรวมถึงโอ๊ตในสุนัขที่มีความผิดปกติของลำไส้จากกลูเตนด้วยหรือไม่ แต่ในผู้ป่วยเซลิแอคพบว่าทั้งสามชนิดก่อให้เกิดอันตรายได้ การให้อาหารที่ปราศจากกลูเตนจะทำให้อาการทางคลินิกดีขึ้นและรอยโรคที่ชั้น epithelium ของลำไส้เล็กหายไป อาหารปราศจากกลูเตนจึงเป็นวิธีรักษาและวิธีการวินิจฉัยโรคนี้ที่ปลอดภัยที่สุด 13

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการพบบทบาทของกลูเตนในการเหนี่ยวนำให้เกิดโรคทางพันธุกรรมของสุนัขอีกสองโรค ประการแรกคือกลูเตนมีบทบาทสำคัญในกลุ่มอาการ epileptoid cramping syndrome ที่พบในสุนัข border terrier โดยมีการแสดงออกของอาการทางระบบประสาท มี paroxysmal dyskinesia เป็นช่วงๆ และบางครั้งร่วมกับความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร 15 สันนิษฐานว่าโรคนี้เป็นผลมาจาก gluten intolerance ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมและมีรายงานอย่างน้อยหนึ่งฉบับแสดงให้เห็นว่าการให้อาหารที่ปราศจากลูเตนในสุนัขที่ป่วยจะทำให้อาการดีขึ้น 16 ประการที่สองคือมีการศึกษาบทบาทของกลูเตนในโรค protein-losing enteropathy (PLE) และ protein-losing nephropathy (PLN) ในสุนัขพันธุ์ soft-coated wheaton terrier 17 ผู้ทำการศึกษาพบว่าการให้สุนัขที่ป่วยได้รับกลูเตนจะทำให้ระดับของ globulin ในเลือดลดลง แต่สรุปว่าอาจมีปัจจัยอื่นในกระบวนการเกิดพยาธิสภาพของโรคและสุนัขพันธุ์นี้อาจไม่ได้มี gluten intolerance ที่แท้จริง

Amylase deficiency and starch digestion

ในขั้นตอนของวิวัฒนาการหรือจะกล่าวอย่างง่ายว่าการที่มนุษย์นำสุนัขเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยง ทำให้สุนัขพัฒนาความสามารถการย่อยแป้งขึ้น 18 ซึ่งตรงกันข้ามกับบรรพบุรุษอย่างสุนัขป่าที่ไม่สามารถย่อยแป้งได้ อย่างไรก็ตามความสามารถในการย่อยแป้งไม่ได้พัฒนาเท่ากันในสุนัขทุกสายพันธุ์โดยเฉพาะในสายพันธุ์ทางซีกโลกเหนือ มีความสามารถต่ำในการย่อยแป้ง ส่งผลให้สุนัขเหล่านั้นแสดงอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่นอุจจาระรูปร่างผิดปกติ หรือถ่ายเหลวหากได้รับแป้งมากเกินไป ไม่นานมานี้ยังมีรายงานว่าสุนัขสายพันธ์ซีกโลกเหนือบางพันธุ์เช่น siberian husky alaskan malamute shiba inu และ akita 19 มีการผลิตเอนไซม์ amylase จากตับอ่อนที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งได้น้อยกว่าปกติ (รูป 6) ความผิดปกตินี้ค่อนข้างต่างจาก exocrine pancreatic insufficiency ที่พบได้บ่อยกว่า มีข้อสันนิษฐานว่าแป้งไม่ใช่แหล่งพลังงานหลักของสุนัขสายพันธุ์จากซีกโลกเหนือในช่วงที่กำลังวิวัฒนาการ ความผิดปกตินี้ยังพบได้ในสายพันธุ์อื่นเช่น czechoslovakian Wolfdog (รูป 7) จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใดๆที่มีข้อมูลเพียงพอว่าควรให้อาหารที่ปราศจากแป้งหรือให้ในปริมาณที่สุนัขสามารถทนได้สำหรับสุนัขที่มีปัญหาการย่อยแป้งดังที่ได้กล่าวมา

Other pathologies

มีความผิดปกติอีกหลายประการในสุนัขที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมและมีความเกี่ยวข้องกับอาหาร ด้วยเนื้อที่ที่มีจำกัดจะกล่าวถึงความผิดปกติอีกเพียง 2 ประการ ประการแรกคือ hypertriglyceridemia ในสุนัขพันธุ์ miniature schnauzer 20โดยสุนัขที่อยู่ในภาวะรุนแรงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดตับอ่อนอักเสบ ชัก หรือทั้งสองอย่าง โดยความเกี่ยวข้องกันของอาการดังกล่าวและภาวะ hypertriglyceridemia ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด 21 สุนัขที่มีภาวะ

hypertriglyceridemia ควรได้รับอาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำและอุดมไปด้วยน้ำมันปลาซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมัน omega-3 ที่สามารถลดระดับ triglyceride ในกระแสเลือดได้ ประการที่สองคือความผิดปกติของการดูดซึมวิตามิน B12 (cyanocobalamin) ในลำไส้ที่พบได้ในสุนัขบางสายพันธุ์ได้แก่ giant schnauzer border collie และ beagle 22 มีชื่อเรียกว่า Imerslund-Grasbeck syndrome (IGS) สุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้จะขาดความอยากอาหาร น้ำหนักลด อ่อนแรง และมีอาการซึมซึ่งจะแสดงอาการหนักขึ้นหลังกินอาหาร สามารถพบภาวะโลหิตจางและ proteinuria ร่วมได้จากการตรวจทางคลินิก การรักษาอาศัยการให้ cyanocobalamin ระยะยาว

โดยสรุป การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์สุนัขและโรคที่มีความโน้มนำจากสายพันธุ์นั้นๆ จะเป็นประโยชน์แก่สัตวแพทย์อย่างมากในการวินิจฉัยโรคที่พบได้ในสถานประกอบการ โดยสัตวแพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้รวดเร็วแม่นยำมากขึ้น หลายโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์สุนัขมีสาเหตุจากอาหารและสามารถจัดการได้ด้วยการเปลี่ยนอาหารที่สุนัขกิน

พิเศษสำหรับสัตวแพทย์ไทย

เข้าทำแบบทดสอบเพื่อสะสม VET-CE Credit ได้ที่นี่

ทำแบบทดสอบ VET-CE

แหล่งอ้างอิง

  1. FEDIAF Nutritional Guidelines for complete and complementary pet food for cats and dogs. European Pet Food Industry Federation, May 2017.
  2. Albasan H, Lulich JP, Osborne CA, et al. Evaluation of the association between sex and risk of forming urate uroliths in Dalmatians. J Am Vet Med Assoc 2005:227:565-569.
  3. Lulich JP, Osborne CA, Koehler LA. Canine calcium oxalate urolithiasis: changing paradigms in detection, management and prevention. Hand MS, Thatcher CD, Remillard RL, et al (eds) In; Small Animal Clinical Nutrition 5th ed Topeka, Kansas; Mark Morris Institute; 2010;862-863.
  4. Osborne CA, Bartges JW, Lulich JP. Canine purine urolithiasis: causes, detection, management and prevention. In: Small Animal Clinical Nutrition, 5th ed. Mark Morris Institute, Topeka, 2010:833-853.

  5. Osborne CA, Lulich JP, Buettner M. Canine cystine urolithiasis: causes, detection, dissolution and prevention. In: Small Animal Clinical Nutrition, 5th ed. Mark Morris Institute, Topeka, 2010:881-890.
  6. van Zuilen CD, Nickel RF, van Dijk TH, et al. Xanthinuria in a family of Cavalier King Charles spaniels. Vet Q 1997:19:172-174.
  7. Jacinto AML, Mellanby RJ, Chandler M, et al. Urine concentrations of xanthine, hypoxanthine and uric acid in UK Cavalier King Charles spaniels. J Small Anim Pract 2013:54:395-398.
  8. White SD, Bourdeau P, Rosychuk RA, et al. Zinc-responsive dermatosis in dogs: 41 cases and literature review. Vet Dermatol 2001:12:101-109.
  9. Haywood S, Boursnell M, Loughran MJ, et al. Copper toxicosis in non COMMD1 Bedlington terriers is associated with metal transport gene ABCA12. J Trace Elem Med Biol 2016:35:83-89.
  10. Johnston AN, Center SA, McDonough SP, et al. Hepatic copper concentrations in Labrador Retrievers with and without chronic hepatitis: 72 cases (1980-2010). J Am Vet Med Assoc 2013:242:372-380.
  11. Marks SL, Rogers QR, Strombeck DR. Nutritional support in hepatic disease. Part I. Metabolic alterations and nutritional considerations in dogs and cats. Comp Cont Educ Pract 1994:16:971-978.
  12. Willard M. Chronic hepatitis in dogs – diagnosis and treatment. In Proceedings. World Small Animal Veterinary Association Congress 2011.
  13. Ludvigsson JF, Bai JC, Biagi F, et al. Diagnosis and management of adult coeliac disease – guidelines from the British Society of Gastroenterology. Gut 2014:63:1210-1228.
  14. Polvi A, Garden OA, Elwood CM, et al. Canine major histocompatibility complex genes DQA and DQB in Irish Setter dogs. Tissue Antigens 1997:49:236-243.
  15. Black V, Garosi L, Lowrie M, et al. Phenotypic characterisation of canine epileptoid cramping syndrome in the Border Terrier. J Small Anim Pract 2014:55:102-107.
  16. Lowrie M, Garden OA, Hadjivassiliou M, et al. The clinical and serological effect of a gluten-free diet in Border Terriers with epileptoid cramping syndrome. J Vet Intern Med 2015:29:1564-1568.
  17. Vaden SL, Sellon RK, Melgarejo LT, et al. Evaluation of intestinal permeability and gluten sensitivity in Soft-Coated Wheaten Terriers with familial protein-losing enteropathy, protein-losing nephropathy, or both. Am J Vet Res 2000:61:518-524.
  18. Arendt M, Cairns KM, Ballard JWO, et al. Diet adaptation in dog reflects spread of prehistoric agriculture. Heredity 2016:117:301-306.
  19. Reiter T, Jagoda E, Capellini TD. Dietary variation and evolution of gene copy number among dog breeds. PloS one 2016:11:e0148899.

  20. Xenoulis PG, Steiner JM. Lipid metabolism and hyperlipidemia in dogs. Vet J 2010:183:12-21.
  21. Xenoulis PG, Suchodolski JS, Levinski MD, et al. Investigation of hypertriglyceridemia in healthy Miniature Schnauzers. J Vet Intern Med 2007;21:1224-1230.

Giacomo Biagi

Giacomo Biagi

Professor Biagi graduated with honors from Bologna in 1994 and was awarded his PhD for a thesis on “Qualitative improvement of food for humans”. อ่านเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ ในประเด็นนี้

หมายเลขหัวข้อ 28.3 เผยแพร่แล้ว 20/11/2021

เมื่อใดที่เราควรพิจารณาให้อาหารเปียก

อาหารกึ่งแห้งและอาหารเม็ดสำหรับสัตว์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันแต่...

โดย Jess L. P. Benson และ Megan L. Shepherd

หมายเลขหัวข้อ 28.3 เผยแพร่แล้ว 31/03/2021

พฤติกรรมการกินของแมว

การกินอาหารมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตในการอยู่รอด แต่สำหรับมนุษย์...

โดย Jon Bowen

หมายเลขหัวข้อ 28.3 เผยแพร่แล้ว 20/01/2021

ข้อควรพิจารณาในการให้อาหารสุนัขที่ป่วยด้วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

บทความนี้เขียนโดยสัตวแพทย์ Adam Rudinsky เน้นถึงประเด็นสำคัญในการเลือกอาหารสำหรับสุนัขที่...

โดย Adam J. Rudinsky